บริษัท ฮอนด้า มอเตอร์ จำกัด เผยผลประกอบการล่าสุดสำหรับปีงบประมาณ 2567 ซึ่งสิ้นสุดเมื่อวันที่ 31 มีนาคม 2025 พบว่ามียอดจำหน่ายรถจักรยานยนต์ทั่วโลกสูงถึง 20.57 ล้านคัน คิดเป็นส่วนแบ่งตลาดกว่า 40% ของตลาดโลก พร้อมสร้างสถิติยอดขายสูงสุดใน 37 ประเทศและภูมิภาค

นายโทชิฮิโระ มิเบะ ประธานกรรมการบริหารและซีอีโอของฮอนด้า ระบุว่า ความสำเร็จดังกล่าวสะท้อนถึงการตอบรับอย่างดีเยี่ยมจากผู้บริโภคทั่วโลก โดยเฉพาะในประเทศกำลังพัฒนา ซึ่งมีแนวโน้มความต้องการใช้รถจักรยานยนต์เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ปัจจัยหลักมาจากการขยายตัวของจำนวนประชากรและรายได้ที่เพิ่มสูงขึ้น

ฮอนด้าคาดการณ์ว่า ยอดขายรวมของอุตสาหกรรมรถจักรยานยนต์ทั่วโลกจะเพิ่มขึ้นจากระดับปัจจุบันราว 50 ล้านคันต่อปี สู่ระดับ 60 ล้านคันภายในปี 2030 โดยอินเดียยังคงเป็นตลาดหลักที่มีบทบาทสำคัญ

เพื่อตอบสนองต่อความต้องการที่เพิ่มขึ้น บริษัทได้เดินหน้าพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ตอบโจทย์ผู้ใช้งานในแต่ละภูมิภาค พร้อมเสริมประสิทธิภาพในการจัดหาวัตถุดิบและการจัดจำหน่าย เพื่อสร้างระบบซัพพลายเชนที่แข็งแกร่ง

ในด้านเทคโนโลยี ฮอนด้ามุ่งเน้นกลยุทธ์ด้านสิ่งแวดล้อม โดยเร่งพัฒนารถจักรยานยนต์ไฟฟ้า ควบคู่กับการปรับปรุงประสิทธิภาพของเครื่องยนต์สันดาปภายใน และการขยายกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่ใช้เชื้อเพลิงทางเลือก

ล่าสุด ฮอนด้าได้เปิดตัวรถจักรยานยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ เช่น Active e: และ QC1 ซึ่งเริ่มจำหน่ายแล้วในบางประเทศ รวมถึงการเปิดตัวรุ่น CUV e: และ ICON e: ที่อินโดนีเซีย พร้อมแผนขยายตลาดต่อไปยังเวียดนาม ไทย และฟิลิปปินส์ในอนาคตอันใกล้

สำหรับรุ่น CUV e: ยังมีแผนวางจำหน่ายในยุโรปและญี่ปุ่นภายในปีนี้ ขณะที่ฮอนด้ากำลังเดินหน้าก่อสร้างโรงงานผลิตรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าขนาดใหญ่ในอินเดีย คาดว่าจะเปิดดำเนินการผลิตในปี 2028 ซึ่งจะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการผลิตและรองรับตลาดได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ

ฮอนด้ายังตั้งเป้าในระยะยาวที่จะครองส่วนแบ่งตลาดจักรยานยนต์โลกให้ได้ 50% พร้อมผลตอบแทนจากการดำเนินงาน (ROS) มากกว่า 15% ภายในปีงบประมาณ 2031 โดยมุ่งสู่การเป็นผู้นำอันดับหนึ่งของโลกในกลุ่มรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าอย่างยั่งยืน