Microsoft ได้เปิดตัวแอป Copilot สำหรับ macOS อย่างเป็นทางการ เพื่อให้ผู้ใช้ Mac สามารถเข้าถึง AI ผู้ช่วยอัจฉริยะได้โดยตรง โดยไม่ต้องเปิดใช้งานผ่านเว็บเบราว์เซอร์อีกต่อไป นับตั้งแต่เปิดตัวครั้งแรกเมื่อสองปีก่อน Copilot ได้รับการออกแบบมาเพื่อช่วยให้ผู้ใช้สามารถทำงานได้ง่ายและรวดเร็วขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการเขียนอีเมล สรุปเอกสาร สร้างเนื้อหา โค้ดดิ้ง และสร้างภาพจาก AI ซึ่งฟีเจอร์สร้างภาพนี้ขับเคลื่อนโดย DALL-E 3 เทคโนโลยี AI ที่ล้ำสมัยที่สุดในขณะนี้ นอกจากนี้ Copilot ยังสามารถช่วยให้คำแนะนำ วิเคราะห์ข้อมูล และสร้างไอเดียใหม่ๆ เพื่อช่วยให้ผู้ใช้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

ก่อนหน้านี้ Copilot สามารถใช้งานได้ผ่านเว็บเบราว์เซอร์หลักอย่าง Edge, Chrome, Firefox และ Safari เท่านั้น ต่อมาในช่วงต้นปี 2024 Microsoft ได้ขยายการรองรับไปยัง Android, iOS และ iPadOS รวมถึงการผสานรวมเข้ากับแอปพลิเคชันต่างๆ ของ Microsoft เช่น Teams, Outlook และ Word แต่การเปิดตัวแอป Copilot บน macOS ในครั้งนี้ ถือเป็นก้าวสำคัญที่ทำให้ผู้ใช้ Mac สามารถใช้งาน AI ได้ในรูปแบบแอปพลิเคชันที่เต็มรูปแบบโดยไม่ต้องพึ่งพาเว็บเบราว์เซอร์ ซึ่งช่วยให้ประสบการณ์ใช้งานลื่นไหลขึ้น ลดการใช้ทรัพยากรของระบบ และสามารถทำงานร่วมกับฟีเจอร์ต่างๆ ของ macOS ได้อย่างดี ไม่ว่าจะเป็น Split View, Mission Control และการทำงานแบบ Multitasking

เปรียบเทียบ AI Chatbots ชั้นนำ

AI Chatbotระบบที่รองรับจุดเด่น
Copilot (Microsoft)Windows, macOS, iOS, Androidใช้งานได้ฟรี รองรับแอป Microsoft หลายตัว มีฟีเจอร์ AI ที่ครบครัน
ChatGPT (OpenAI)iOS, Android, Webรองรับ GPT-4 มีความสามารถด้านภาษาสูงสุด เหมาะสำหรับงานเขียนและคิดเชิงสร้างสรรค์
Gemini (Google)Web, Android, iOSผสานรวมกับ Google Search และ Google Workspace ได้ดี
Apple IntelligencemacOS, iOS (เฉพาะอุปกรณ์ที่ใช้ชิป M1 ขึ้นไป)ออกแบบมาสำหรับอุปกรณ์ Apple โดยเฉพาะ ใช้งานร่วมกับ Siri และแอป Apple ได้ดี

เพื่อใช้งาน Copilot บน macOS ผู้ใช้จำเป็นต้องมี macOS เวอร์ชัน 14.0 หรือใหม่กว่า และต้องใช้ Mac ที่มีชิป Apple M1 หรือใหม่กว่า ซึ่งเป็นข้อกำหนดที่คล้ายกับ Apple Intelligence ระบบ AI ของ Apple ที่กำลังจะเปิดตัวบน macOS 15.1 ซึ่งต้องการ Mac ที่ใช้ชิป M1 หรือรุ่นใหม่กว่าเช่นกัน

นอกจากนี้ Microsoft ยังได้ประกาศว่า ผู้ใช้ Copilot ทุกคนสามารถใช้งานฟีเจอร์ Voice และ Think Deeper ได้ฟรีแบบไม่จำกัด ฟีเจอร์ Voice ช่วยให้ผู้ใช้สามารถฝึกฝนภาษาใหม่ได้อย่างมีประสิทธิภาพผ่านการพูดคุยและฝึกออกเสียง ในขณะที่ Think Deeper ขับเคลื่อนโดยโมเดล OpenAI o1 ทำให้ Copilot สามารถจัดการกับคำถามที่ซับซ้อน คิดวิเคราะห์เชิงลึก และให้คำตอบที่มีเหตุผลมากขึ้น

การเปิดตัว Copilot บน macOS ถือเป็นก้าวสำคัญที่ทำให้ Microsoft สามารถแข่งขันในตลาด AI ได้อย่างแข็งแกร่งมากขึ้น ปัจจุบัน AI Chatbot ที่ได้รับความนิยมมีหลายแพลตฟอร์ม เช่น ChatGPT ของ OpenAI, Google Gemini และ Apple Intelligence ซึ่งแต่ละแพลตฟอร์มมีจุดแข็งที่แตกต่างกัน โดย ChatGPT มีความสามารถด้านภาษาสูงสุด เหมาะสำหรับงานเขียนและคิดเชิงสร้างสรรค์ Google Gemini ผสานรวมกับ Google Search และ Google Workspace ได้ดี ในขณะที่ Apple Intelligence ถูกออกแบบมาสำหรับอุปกรณ์ Apple โดยเฉพาะ และสามารถใช้งานร่วมกับ Siri และแอป Apple ได้อย่างลื่นไหล

ในขณะที่ Apple, Google และ OpenAI ต่างเร่งพัฒนา AI ของตัวเอง Microsoft ก็กำลังเดินหน้าเต็มกำลังเพื่อทำให้ Copilot เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับผู้ใช้ทุกแพลตฟอร์ม การเปิดตัว Copilot บน macOS ช่วยให้ผู้ใช้ Mac สามารถใช้งาน AI ได้อย่างสะดวกและเต็มประสิทธิภาพมากขึ้น นับเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่กำลังมองหา AI ผู้ช่วยอัจฉริยะในการทำงานและสร้างสรรค์เนื้อหา

ทีมา : techcrunch