การสร้าง URL สำหรับเว็บไซต์หรือบทความต่างๆ เป็นสิ่งที่สำคัญในด้านการใช้งานและการจัดการ SEO (Search Engine Optimization) หาก URL ไม่ถูกออกแบบมาอย่างดี อาจทำให้ผู้ใช้ไม่สามารถเข้าใจได้ทันที หรือมีปัญหาในการใช้งานเว็บ นอกจากนี้ยังอาจส่งผลกระทบต่อการจัดอันดับของเว็บไซต์ในเครื่องมือค้นหาอย่าง Google ด้วย

หนึ่งในข้อผิดพลาดที่พบได้บ่อยในการสร้าง URL คือการใช้ ช่องว่าง (Space) ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว ช่องว่างไม่สามารถใช้ได้ใน URL ตามมาตรฐานของ HTTP/HTTPS เพราะอาจทำให้ URL ไม่สามารถทำงานได้อย่างถูกต้องในหลายๆ สถานการณ์

ทำไม URL ถึงไม่สามารถมีช่องว่างได้

URL ตามมาตรฐานไม่อนุญาตให้มีช่องว่าง เนื่องจากช่องว่างไม่ได้เป็นตัวอักษรที่สามารถรับรองได้ว่าเซิร์ฟเวอร์หรือเบราว์เซอร์จะสามารถตีความ URL ได้ถูกต้อง เมื่อมีช่องว่างใน URL เบราว์เซอร์จะไม่สามารถแยกแยะส่วนต่างๆ ของ URL ได้ และอาจทำให้เกิดข้อผิดพลาดหรือไม่สามารถเข้าถึงหน้าเว็บที่ต้องการได้

ตัวอย่างเช่น URL แบบนี้

           https://www.example.com/Galaxy Z Fold7

จะไม่สามารถทำงานได้อย่างถูกต้อง เพราะช่องว่าง ( ) ใน URL ต้องถูกเข้ารหัสเป็น %20 หรือแทนที่ด้วยเครื่องหมายอื่นๆ เช่น เครื่องหมายขีด (-)

วิธีการจัดการช่องว่างใน URL

แทนที่ช่องว่างใน URL ด้วยวิธีต่างๆ เพื่อให้สามารถทำงานได้อย่างถูกต้องและเข้าใจง่าย:

  1. การเข้ารหัส URL (URL Encoding) ช่องว่างใน URL สามารถแทนที่ด้วยรหัส "%20" ซึ่งเป็นการเข้ารหัส URL เพื่อให้เครื่องมือค้นหาหรือเบราว์เซอร์สามารถเข้าใจได้ว่าเป็นช่องว่างในคำ เช่น

    https://www.example.com/Galaxy%20Z%20Fold7

    อย่างไรก็ตาม วิธีนี้อาจทำให้ URL อ่านยากและไม่สะดวกเมื่อแชร์กับผู้อื่น

  2. การใช้เครื่องหมายขีด (-) วิธีที่แนะนำมากที่สุดคือการใช้เครื่องหมายขีด (-) แทนช่องว่าง เพราะเครื่องหมายขีดเป็นวิธีที่ทั้งเครื่องมือค้นหาและผู้ใช้สามารถเข้าใจได้ง่าย นอกจากนี้ยังช่วยให้ URL ดูสะอาดตาและเป็นมิตรต่อ SEO โดยเฉพาะในกรณีของคำที่มีหลายคำ เช่น:

    https://www.example.com/Galaxy-Z-Fold7

    การใช้เครื่องหมายขีดระหว่างคำจะช่วยให้เครื่องมือค้นหาสามารถอ่านและเข้าใจความหมายของคำได้ง่ายขึ้น ซึ่งช่วยเพิ่มโอกาสในการจัดอันดับที่ดีขึ้นในผลการค้นหาของ Google

  3. การใช้เครื่องหมายบวก (+) อีกหนึ่งทางเลือกในการแทนช่องว่างคือการใช้เครื่องหมายบวก (+), ซึ่งมักพบในการใช้งานกับการค้นหาบนเว็บไซต์หรือในฟอร์มต่างๆ

  4. https://www.example.com/Galaxy+Z+Fold7

การเลือกเครื่องหมายที่เหมาะสม

โดยสรุป การเลือกวิธีการแทนช่องว่างใน URL ควรพิจารณาจากการใช้งานที่เหมาะสม:

  • เครื่องหมายขีด (-) ควรเป็นตัวเลือกหลัก เพราะเครื่องมือค้นหาทั้ง Google และผู้ใช้สามารถเข้าใจได้ง่ายว่าแต่ละคำเป็นคำแยกออกจากกัน
  • เครื่องหมายบวก (+) อาจเหมาะสมในกรณีที่ URL ใช้ในการค้นหาหรือในฟอร์ม
  • การเข้ารหัส (%20) จะเหมาะสมในกรณีที่คุณต้องการเก็บรูปแบบ URL ที่ถูกต้องตามมาตรฐาน แต่ไม่แนะนำให้ใช้บ่อยนัก

ทำไมการใช้ URL ที่สะอาดและเข้าใจง่ายถึงสำคัญ

การใช้ URL ที่ไม่มีช่องว่างและง่ายต่อการอ่านไม่เพียงแต่ช่วยในการจัดการ SEO ให้ดีขึ้น แต่ยังช่วยให้ผู้ใช้สามารถเข้าใจ URL ได้ง่ายเมื่อมองแค่ครั้งเดียว และสามารถแชร์หรือใช้ URL ได้สะดวก นอกจากนี้ยังช่วยให้การค้นหาผ่านเครื่องมือค้นหาหรือแม้แต่การเข้าถึงหน้าเว็บนั้นๆ รวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น

การทำความเข้าใจเรื่องการสร้าง URL ที่ดีมีความสำคัญในการพัฒนาเว็บไซต์ โดยเฉพาะการหลีกเลี่ยงการใช้ช่องว่างใน URL และเลือกใช้เครื่องหมายขีด (-) แทนช่องว่างจะทำให้ URL ดูสะอาดตาและสามารถใช้งานได้ดีขึ้น ทั้งสำหรับผู้ใช้และเครื่องมือค้นหาทางอินเทอร์เน็ต อย่างไรก็ตาม การเข้ารหัส URL (URL Encoding) ก็เป็นอีกวิธีหนึ่งที่สามารถใช้งานได้ แต่ไม่ควรใช้เป็นวิธีหลักในการสร้าง URL ที่ใช้งานง่ายและเข้าใจได้ดี