บริษัท Meta Platforms รายงานผลประกอบการไตรมาสแรกปี 2025 ที่ดีกว่าคาด แม้ต้องเผชิญแรงกดดันจากสงครามการค้าและความไม่แน่นอนด้านนโยบายภาษีของรัฐบาลสหรัฐ โดยเฉพาะกับจีน ซึ่งเป็นหนึ่งในตลาดหลักด้านอีคอมเมิร์ซ ส่งผลให้ราคาหุ้น Meta พุ่งขึ้นทันที 5% หลังปิดตลาด

รายได้รวมของ Meta ในไตรมาสนี้อยู่ที่ 42.31 พันล้านดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ ขณะที่กำไรต่อหุ้นอยู่ที่ 6.43 ดอลลาร์ สะท้อนถึงความแข็งแกร่งของธุรกิจโฆษณาที่แม้จะมีแรงกระแทกจากความตึงเครียดทางการค้า แต่ก็ยังคงเป็นแหล่งรายได้หลักของบริษัท โดยคิดเป็นสัดส่วนถึง 98% ของรายได้ทั้งหมด

อย่างไรก็ตาม ความเปลี่ยนแปลงในพฤติกรรมของผู้ลงโฆษณาจากจีน โดยเฉพาะกลุ่มผู้ส่งออกสินค้าอีคอมเมิร์ซในเอเชียเริ่มชะลอการใช้จ่ายโฆษณาบนแพลตฟอร์มของ Meta เป็นผลมาจากมาตรการยกเลิกข้อยกเว้นภาษีนำเข้าสำหรับสินค้าราคาไม่เกิน 800 ดอลลาร์ ที่จะมีผลบังคับใช้ในต้นเดือนพฤษภาคมนี้ ส่งผลให้เม็ดเงินโฆษณาในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกลดลงมาอยู่ที่ 8.22 พันล้านดอลลาร์ ต่ำกว่าที่วอลล์สตรีทประเมินไว้เล็กน้อย

แม้แนวโน้มในตลาดเอเชียจะเริ่มชะลอตัว แต่ผู้บริหารของ Meta ยังคงมั่นใจในศักยภาพของแพลตฟอร์ม โดยประกาศเพิ่มแผนลงทุนปีนี้ขึ้นเป็นช่วง 64,000 - 72,000 ล้านดอลลาร์ สูงกว่าที่ CEO มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก เคยวางไว้ก่อนหน้า โดยเม็ดเงินส่วนใหญ่จะถูกใช้ในการเสริมศักยภาพของระบบโฆษณา รวมถึงขยายโครงสร้างพื้นฐานด้านดาต้าเซ็นเตอร์ เพื่อรองรับความต้องการของ AI และจัดการต้นทุนจากการส่งออกฮาร์ดแวร์ที่สูงขึ้น

ถึงแม้จะมีความกังวลว่าเทรนด์ AI อาจเริ่มชะลอจากระดับพีคในปีที่ผ่านมา แต่ Meta ยังคงเดินหน้าอย่างมั่นคงในฐานะผู้เล่นหลักที่มีรายได้และกลยุทธ์ที่ชัดเจนต่อเนื่อง สวนทางกับความไม่แน่นอนที่บริษัทเทคโนโลยีรายอื่นกำลังเผชิญ