TikTok กำลังเผชิญกับแรงกดดันครั้งใหญ่จากหน่วยงานกำกับดูแลข้อมูลของสหภาพยุโรป หลังจากที่คณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของไอร์แลนด์ หรือ DPC ได้มีคำตัดสินสั่งปรับ TikTok เป็นเงินจำนวนมหาศาลกว่า 530 ล้านยูโร หรือประมาณ 20,600 ล้านบาท โดยให้เหตุผลว่า TikTok ได้ละเมิดกฎระเบียบของ GDPR ซึ่งเป็นกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของสหภาพยุโรป ผ่านการโอนถ่ายข้อมูลของผู้ใช้งานภายในเขตเศรษฐกิจยุโรป (EEA) ไปยังประเทศจีน โดยขาดการรับรองมาตรฐานด้านความปลอดภัยที่เทียบเท่ากับระดับของยุโรป

ผลการสืบสวนของ DPC ระบุว่า TikTok ไม่ได้แสดงหลักฐานที่ชัดเจนว่าสามารถปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้งาน EEA ได้อย่างเหมาะสมเมื่อมีการเข้าถึงจากพนักงานในประเทศจีน นอกจากนี้ยังไม่มีการประเมินความเสี่ยงอย่างเพียงพอ หรือการรับประกันว่าข้อมูลที่โอนไปจะไม่ตกอยู่ภายใต้การควบคุมของภาครัฐจีนซึ่งมีกฎหมายด้านความมั่นคงที่แตกต่างจากหลักเกณฑ์ของ EU อย่างมาก ทั้งในเรื่องการต่อต้านการก่อการร้ายและการจารกรรม

แม้ว่า TikTok จะเคยแถลงก่อนหน้านี้ว่าไม่ได้เก็บข้อมูลของผู้ใช้งานในยุโรปไว้ในจีน แต่ในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา บริษัทได้แจ้งต่อ DPC ว่าได้ค้นพบข้อผิดพลาดภายใน ซึ่งระบุว่ามีการเก็บข้อมูลของผู้ใช้งานบางส่วนไว้ในเซิร์ฟเวอร์ที่ตั้งอยู่ในจีนจริง ๆ และในภายหลังได้ดำเนินการลบข้อมูลเหล่านั้นแล้ว อย่างไรก็ตาม การเปิดเผยดังกล่าวยิ่งทำให้เกิดคำถามถึงความโปร่งใสของบริษัทมากยิ่งขึ้น และส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของทั้งผู้ใช้งานและหน่วยงานกำกับดูแล

นอกจากโทษปรับแล้ว TikTok ยังถูกกำหนดให้ต้องดำเนินการปรับปรุงกระบวนการจัดการข้อมูลให้เป็นไปตามมาตรฐานของ GDPR ภายในระยะเวลา 6 เดือน หากไม่สามารถดำเนินการได้ทันตามกำหนด TikTok อาจถูกห้ามไม่ให้โอนข้อมูลของผู้ใช้งานจากเขตเศรษฐกิจยุโรปไปยังประเทศจีนอีกต่อไป ซึ่งจะกระทบต่อการดำเนินงานของบริษัทในตลาดยุโรปอย่างมีนัยสำคัญ

กรณีนี้กลายเป็นอีกหนึ่งสัญญาณเตือนสำคัญถึงบริษัทเทคโนโลยีข้ามชาติ โดยเฉพาะบริษัทจากจีน ที่ต้องการดำเนินธุรกิจในภูมิภาคที่มีข้อกำหนดด้านความเป็นส่วนตัวของข้อมูลอย่างเข้มงวดอย่างสหภาพยุโรป ท่ามกลางกระแสความกังวลเรื่องความมั่นคงของข้อมูลและความสัมพันธ์ระหว่างบริษัทเทคโนโลยีกับรัฐบาลจีนที่กำลังทวีความรุนแรงขึ้นในหลายประเทศทั่วโลก รวมถึงสหรัฐอเมริกาที่กำลังพิจารณาการบังคับให้ ByteDance ขายกิจการ TikTok ภายในประเทศเช่นกัน

คำสั่งปรับและข้อกำหนดใหม่จาก DPC นับเป็นอีกหนึ่งจุดเปลี่ยนสำคัญที่อาจกำหนดทิศทางของ TikTok ในอนาคต โดยเฉพาะในภูมิภาคยุโรปที่มีความเข้มงวดด้านนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล และย้ำเตือนว่าในยุคดิจิทัลนี้ ความรับผิดชอบในการจัดการข้อมูลไม่ได้เป็นเพียงเรื่องทางเทคนิค แต่เป็นประเด็นที่เชื่อมโยงกับสิทธิขั้นพื้นฐานของผู้ใช้งานโดยตรง