โตเกียว 27 พฤษภาคม – Sony กลุ่มบริษัทชั้นนำของญี่ปุ่น เตรียมนำเสนอแผนยุทธศาสตร์การเติบโตของหน่วยธุรกิจการเงินในวันพฤหัสบดีนี้ หลังประกาศแยกกิจการดังกล่าวออกเป็นบริษัทอิสระ ซึ่งได้รับเสียงตอบรับเชิงบวกจากนักลงทุนว่าเป็นอีกก้าวสำคัญในการปรับโฉมองค์กรของโซนี่

การแยกตัวของธุรกิจการเงินในครั้งนี้ สะท้อนเส้นทางการเปลี่ยนผ่านของ Sony ที่เริ่มจากบริษัทเครื่องใช้ไฟฟ้าครัวเรือน ไปสู่ยักษ์ใหญ่ด้านความบันเทิง โดยรายได้กว่า 60% ของบริษัทในปัจจุบันมาจากเกม ภาพยนตร์ และดนตรี

Sony เคยเข้าซื้อหุ้นในธุรกิจการเงินเต็มรูปแบบเมื่อ 4 ปีก่อน ด้วยมูลค่า 3.7 พันล้านดอลลาร์ และในครั้งนี้บริษัทมีแผนจะโอนหุ้นกว่า 80% ใน "Sony Financial Group" ซึ่งประกอบด้วยธุรกิจธนาคารและประกัน ให้กับผู้ถือหุ้นในรูปของเงินปันผล โดยยังคงถือหุ้นอยู่ราว 20% และอนุญาตให้ใช้ชื่อแบรนด์ Sony ต่อไป

การแยกกิจการครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกในญี่ปุ่นที่อาศัยการเปลี่ยนแปลงกฎหมายภาษีปี 2023 ซึ่งอนุญาตให้บริษัทแยกตัวบางส่วนได้โดยไม่เสียภาษี และยังเป็นการจดทะเบียนเข้าตลาดหลักทรัพย์โดยตรง (Direct Listing) ครั้งแรกในรอบกว่า 20 ปีของญี่ปุ่น โดยจะไม่มีการเสนอขายหุ้นแบบ IPO ตามปกติ

Sony ระบุว่า การแยกหน่วยธุรกิจนี้จะช่วยให้นักลงทุนเข้าใจเป้าหมายทางการเงินของแต่ละภาคส่วนได้ชัดเจนยิ่งขึ้น โดยธุรกิจที่ไม่ใช่การเงินจะมุ่งเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้สินทรัพย์ ขณะที่ธุรกิจการเงินจำเป็นต้องเติบโตด้วยการสะสมเงินทุน

นอกจากด้านการเงิน Sony ยังมุ่งขยายอิทธิพลในอุตสาหกรรมบันเทิง โดยยังคงเป็นผู้นำด้านเซ็นเซอร์ภาพ (image sensors) สำหรับสมาร์ตโฟน และมีแผนลงทุนมหาศาลในด้านการผลิตชิป ทั้งนี้ บริษัทยังเปิดกว้างสำหรับแนวทางที่หลากหลาย ไม่ว่าจะลงทุนเองทั้งหมด ดึงพันธมิตรร่วมทุน หรือเลือกใช้กลยุทธ์การผลิตแบบเบา (fab-light)

Sony ร่วมมือกับ TSMC ยักษ์ใหญ่จากไต้หวัน ในการตั้งโรงงานผลิตชิปในญี่ปุ่น และยังถูกจับตาว่าอาจใช้การผลิตนอกบริษัทเพื่อควบคุมต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพ

แม้คาดการณ์กำไรจากการดำเนินงานในปีนี้จะทรงตัว แต่ Sony มีเงินสดจากการดำเนินงานระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในปีที่ผ่านมา และตั้งงบลงทุนรวมกว่า 3.5 ล้านล้านเยนภายในปี 2027

ในด้านความบันเทิง บริษัทเล็งต่อยอดการเข้าถึงทรัพย์สินทางปัญญา โดยเฉพาะในญี่ปุ่น โดยเคยลงทุนใน Kadokawa และพิจารณาซื้อกิจการ Paramount Global เมื่อปีที่ผ่านมา

นอกจากนี้ Sony ยังเร่งรุกตลาดแอนิเมชันผ่านบริษัท Aniplex และแพลตฟอร์มสตรีมมิ่ง Crunchyroll ซึ่งกำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว แม้ยังไม่ทัดเทียมธุรกิจเกม ภาพยนตร์ และดนตรี แต่ผู้เชี่ยวชาญคาดว่า แอนิเมชันอาจสร้างกำไรมากถึง 35-40% ของแผนกภาพยนตร์ในอีก 2-3 ปีข้างหน้า

นักวิเคราะห์มองว่า การแยกธุรกิจการเงินในครั้งนี้เป็นสัญญาณว่าบริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง Sony พร้อมเดินหน้าเข้าสู่ยุคใหม่ด้วยโครงสร้างที่ยืดหยุ่นและมุ่งเป้าเจาะตลาดยุทธศาสตร์อย่างแม่นยำยิ่งขึ้น

ที่มา : reuters