Nvidia ผงาดขึ้นแท่นบริษัทมูลค่าสูงที่สุดในโลก มูลค่าแตะ 4 ล้านล้านดอลลาร์ Jensen Huang จ่อแซง Warren Buffett ขึ้นแท่นมหาเศรษฐีเบอร์ต้น
วันที่โพสต์: 11 กรกฎาคม 2568 22:21:25 การดู 0 ครั้ง ผู้โพสต์ baikhao
ในวันที่ 9 กรกฎาคม 2568 โลกการเงินและเทคโนโลยีต้องจับตา Nvidia อย่างใกล้ชิด หลังราคาหุ้นของบริษัทพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในระหว่างวัน ที่ 164.42 ดอลลาร์สหรัฐ ดันมูลค่าตลาดของบริษัททะลุ 4 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐเป็นครั้งแรก กลายเป็นบริษัทที่มีมูลค่าตลาดสูงที่สุดในโลก แซงหน้า Microsoft และ Apple ที่เคยครองอันดับหนึ่งและสองติดต่อกันมาหลายปี โดย Microsoft มีมูลค่าตลาดอยู่ที่ประมาณ 3.7 ล้านล้านดอลลาร์ และ Apple ตามมาเป็นอันดับสามที่ 3.1 ล้านล้านดอลลาร์
เบื้องหลังความสำเร็จอันน่าทึ่งนี้ มาจากความต้องการชิปประมวลผล AI ที่พุ่งสูงขึ้นทั่วโลก นับตั้งแต่กระแส Generative AI เริ่มต้นขึ้นจากการเปิดตัวของ ChatGPT เมื่อปลายปี 2022 ซึ่งทำให้ Nvidia กลายเป็นหัวใจหลักของอุตสาหกรรมเทคโนโลยีในยุคปัญญาประดิษฐ์ ความต้องการชิป AI ส่งผลให้มูลค่าของ Nvidia ทะลุ 1 ล้านล้านดอลลาร์ในเวลาไม่ถึงสองปี ก่อนจะแตะ 2 ล้านล้านดอลลาร์ในเดือนกุมภาพันธ์ 2024 และพุ่งต่อเนื่องถึง 3 ล้านล้านดอลลาร์ในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา จนกระทั่งกลายเป็นบริษัทแรกที่ขึ้นไปถึงระดับ 4 ล้านล้านดอลลาร์ในเดือนกรกฎาคม
แรงส่งสำคัญนอกจากดีมานด์ที่สูงลิ่ว ยังรวมถึงดีลมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ในตะวันออกกลาง และความร่วมมือกับรัฐบาลยุโรปในโครงการ Sovereign AI ซึ่งช่วยให้ Nvidia ฝ่าวิกฤตต้นปี 2025 มาได้ หลังเคยถูกกระทบจากมาตรการควบคุมการส่งออกชิปของรัฐบาลทรัมป์ และข่าวลือที่ทำให้หุ้นร่วงกว่า 17% ภายในวันเดียว
การเติบโตของ Nvidia ยังส่งผลต่อความมั่งคั่งของ Jensen Huang ผู้ร่วมก่อตั้งและซีอีโอของบริษัทโดยตรง Bloomberg รายงานว่า มูลค่าทรัพย์สินสุทธิของ Huang ล่าสุดอยู่ที่ประมาณ 1.42 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นถึง 27,600 ล้านดอลลาร์นับตั้งแต่ต้นปี 2025 โดยส่วนใหญ่มาจากการถือหุ้นประมาณ 3.5% ในบริษัท Nvidia ส่งผลให้เขาขยับเข้าใกล้การแซงหน้า Warren Buffett มหาเศรษฐีระดับตำนาน ซึ่งมีทรัพย์สินอยู่ที่ราว 1.44 แสนล้านดอลลาร์
แม้จะเจอแรงกดดันจากความกังวลด้านภาษี การแข่งขันจากจีน และข้อจำกัดด้านการส่งออก แต่ Nvidia ยังคงแสดงศักยภาพในการเติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง โดยคาดว่าจะมีรายได้ในปีนี้สูงถึง 200,000 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นกว่า 55% จากปีก่อน ขณะที่กำไรสุทธิอาจแตะระดับ 105,000 ล้านดอลลาร์ ด้วยอัตรากำไรขั้นต้นที่สูงกว่า 70%
Jensen Huang ได้แสดงความมั่นใจในอนาคตของบริษัท โดยเชื่อว่า AI และหุ่นยนต์จะกลายเป็นแรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจใหม่ของโลก พร้อมกล่าวในงานประชุมล่าสุดว่า
“ยิ่งโลกนี้มี AI มากเท่าไร กำไรของเราก็ยิ่งเพิ่มขึ้น สิ่งเดียวที่ผมกังวล คือ เมื่อโลกนี้ไม่มี AI...ก็เท่านั้น”
ด้วยแรงสนับสนุนจากตลาดทุนทั่วโลก และการเติบโตของเทคโนโลยีที่ยังไม่มีทีท่าว่าจะชะลอตัว Nvidia จึงยังถูกจับตามองว่าจะสามารถผลักดันมูลค่าตลาดไปสู่ระดับ 5 หรือแม้แต่ 6 ล้านล้านดอลลาร์ในอนาคตอันใกล้นี้ และหากเป็นเช่นนั้นจริง Jensen Huang อาจไม่เพียงแต่แซงหน้า Warren Buffett เท่านั้น แต่ยังอาจกลายเป็นบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในโลกในไม่ช้า
แท็ก: NVIDIA