ในช่วงปีที่ผ่านมา แอปเปิลต้องเผชิญกับความท้าทายมากมาย แม้จะเป็นแบรนด์ที่มีแฟนคลับจำนวนมาก แต่การเปิดตัว iPhone 16 กลับสร้างความสับสนให้กับผู้ใช้งานทั่วโลก เนื่องจากความแตกต่างของฟีเจอร์ในแต่ละภูมิภาค

หนึ่งในประเด็นที่สร้างความผิดหวังมากที่สุดคือระบบ AI ที่ชื่อว่า Apple Intelligence ซึ่งถูกโฆษณาว่าจะทำให้ Siri และการใช้งานต่างๆ ฉลาดขึ้น แต่กลับยังไม่พร้อมใช้งานเต็มรูปแบบ ผู้ใช้ต้องรอการอัปเดตเป็นระยะๆ ที่น่าแปลกใจคือ ผู้ใช้ในสหภาพยุโรปและจีนจะไม่สามารถใช้งานฟีเจอร์ AI ได้อย่างเต็มที่ เนื่องจากข้อจำกัดด้านกฎหมายการแข่งขันทางการค้า แม้จะต้องจ่ายเงินในราคาเดียวกัน

ในทางกลับกัน ผู้ใช้ในยุโรปกลับได้สิทธิพิเศษบางอย่างที่ไม่มีในภูมิภาคอื่น เช่น การติดตั้งแอปจากร้านค้าภายนอก และการใช้ระบบชำระเงิน NFC จากผู้ให้บริการรายอื่น ทำให้ iPhone 16 เป็นสมาร์ทโฟนรุ่นแรกของแอปเปิลที่มีความแตกต่างในแต่ละภูมิภาคมากที่สุด

สำหรับ iPhone 17 ที่กำลังจะมาถึง แม้แอปเปิลจะพยายามสร้างกระแสว่าเป็น "ผลิตภัณฑ์ที่ทะเยอทะยานที่สุด" แต่จากข้อมูลที่รั่วไหลออกมา ดูเหมือนจะมีเพียงการปรับปรุงเล็กๆ น้อยๆ เท่านั้น เช่น การเพิ่มประสิทธิภาพกล้อง สีใหม่ การเพิ่ม RAM และการปรับปรุงชิปประมวลผลเพียงเล็กน้อย สิ่งที่น่าสนใจที่สุดอาจเป็นการเปิดตัว "iPhone 17 Air" รุ่นพิเศษที่มีดีไซน์บางเฉียบ

อย่างไรก็ตาม เหล่าแฟนแอปเปิลอาจต้องรอ iPhone 18 ที่มีแนวโน้มว่าจะเป็นการอัปเกรดครั้งใหญ่อย่างแท้จริง ด้วยการออกแบบหน้าจอแบบใหม่ที่อาจไม่มีติ่ง โดยใช้เทคโนโลยีการเบลอขอบจอแทน และที่สำคัญคือการใช้ชิปขนาด 2 นาโนเมตรที่จะเพิ่มทั้งประสิทธิภาพการประมวลผลและการประหยัดพลังงาน

สำหรับผู้ที่กำลังพิจารณาซื้อ iPhone รุ่นใหม่ การรอดูพัฒนาการของ iPhone 18 อาจเป็นทางเลือกที่ชาญฉลาด โดยเฉพาะสำหรับผู้ที่ใช้ iPhone 14 หรือรุ่นที่ใหม่กว่าอยู่แล้ว เพราะการอัปเกรดครั้งนี้อาจคุ้มค่ากับการรอคอยมากกว่าการรีบร้อนซื้อตามกระแส

ท้ายที่สุด แม้แอปเปิลจะยังคงเป็นผู้นำในตลาดสมาร์ทโฟนระดับพรีเมียม แต่ความท้าทายในปี 2024 ก็แสดงให้เห็นว่าแม้แต่บริษัทยักษ์ใหญ่ก็ต้องปรับตัวให้เข้ากับความต้องการของผู้บริโภคและข้อจำกัดทางกฎหมายที่แตกต่างกันในแต่ละภูมิภาค การตัดสินใจรอ iPhone 18 อาจเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่ต้องการประสบการณ์การใช้งานที่ดีขึ้นอย่างแท้จริง