วันนี้ (18 มกราคม 2568) นายอิทธิ ศิริลัทธยากร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้เปิดงานสัมมนาวิชาการ ชมรมผู้เลี้ยงกุ้งท่าทอง ครั้งที่ 3 ภายใต้แนวคิด “ความสำเร็จที่ยั่งยืน คิดได้ ทำได้ แตะต้องได้ ไม่ไกลตัว” ซึ่งจัดขึ้น ณ โรงแรมไดมอนด์ พลาซ่า อำเภอเมือง จังหวัดสุราษฎร์ธานี โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมและพัฒนาองค์ความรู้ให้กับเกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้งในด้านต่าง ๆ รวมถึงการนำเสนอแนวทางและเทคนิคในการเลี้ยงกุ้งที่มีประสิทธิภาพ สร้างความเข้มแข็งให้กับอาชีพ และช่วยเพิ่มรายได้ให้แก่เกษตรกร

งานสัมมนาครั้งนี้จัดขึ้นโดย ชมรมผู้เลี้ยงกุ้งท่าทอง และมีการบรรยายจากผู้เชี่ยวชาญและเกษตรกรที่มีประสบการณ์ในการเลี้ยงกุ้งที่ประสบความสำเร็จ โดยมุ่งเน้นการเผยแพร่ความรู้ในด้านการป้องกันและเตรียมความพร้อมในการเลี้ยงกุ้ง การบริหารจัดการฟาร์ม รวมถึงการเรียนรู้วิธีการตลาดในยุคปัจจุบันที่มีความท้าทายจากทั้งสภาพแวดล้อมและเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว

นายอิทธิ กล่าวในพิธีเปิดงานว่า การจัดสัมมนาครั้งนี้เป็นการเสริมสร้างศักยภาพให้กับเกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้งในพื้นที่จังหวัดสุราษฎร์ธานีและทั่วประเทศ โดยการมุ่งเน้นให้เกษตรกรมีความรู้และทักษะที่ทันสมัย เพื่อให้สามารถปรับตัวและพัฒนาการเลี้ยงกุ้งในเชิงพาณิชย์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ยังเน้นการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ระหว่างผู้เชี่ยวชาญและผู้เลี้ยงกุ้งในพื้นที่ เพื่อเสริมสร้างความมั่นคงในอุตสาหกรรมกุ้งไทย

ภายในงานยังมีการนำเสนอเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ ๆ ในการเกษตร การจัดแสดงสินค้าและผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรที่เกี่ยวข้องกับการเลี้ยงกุ้ง รวมถึงกิจกรรมฝึกอบรมด้านการบริหารจัดการฟาร์มอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้เกษตรกรสามารถนำความรู้ที่ได้รับกลับไปประยุกต์ใช้ในการทำธุรกิจของตัวเองได้จริง

รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรฯ ยังกล่าวต่อไปว่า ความสำเร็จในอุตสาหกรรมกุ้งไทยจะเกิดขึ้นได้ต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และเกษตรกรที่มีส่วนสำคัญในการพัฒนาและขับเคลื่อนอุตสาหกรรมนี้ให้มีความยั่งยืน สร้างรายได้ให้กับเกษตรกรและเพิ่มความเข้มแข็งให้กับเศรษฐกิจการเกษตรของประเทศ

“รัฐบาลมุ่งมั่นที่จะส่งเสริมอาชีพเกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้งให้มีคุณภาพ และสามารถแข่งขันได้ในตลาดโลก โดยการให้ความสำคัญกับการพัฒนาองค์ความรู้และการใช้เทคโนโลยีในการเพิ่มผลผลิตและคุณภาพของกุ้งไทย” นายอิทธิ กล่าว

การจัดงานสัมมนาครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญในการส่งเสริมอาชีพเกษตรกรรมให้มีความยั่งยืนและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของเกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้งในประเทศ ทั้งนี้เชื่อมั่นว่าผู้เข้าร่วมสัมมนาจะได้รับประโยชน์และนำความรู้ที่ได้รับไปปรับใช้ในการพัฒนาฟาร์มกุ้งให้มีประสิทธิภาพสูงสุดต่อไป