สำนักข่าวท่าขี้เหล็ก รายงานบรรยากาศในเมืองเมียวดี รัฐกะเหรี่ยง ทางตะวันออกเฉียงใต้ของเมียนมาในเช้าวันนี้ (10 กุมภาพันธ์ 2568) หลังจากที่ทางการไทยดำเนินมาตรการจำกัดการส่งกระแสไฟฟ้าและน้ำมันเชื้อเพลิงไปยังพื้นที่ชายแดน 5 จุดในเมียนมา ซึ่งได้แก่ เมียวดี, ท่าขี้เหล็ก, และพญาตองซู ตั้งแต่วันที่ 5 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา การดำเนินมาตรการนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อสกัดกั้นกิจกรรมของแก๊งอาชญากรข้ามชาติ โดยเฉพาะแก๊งชาวจีนที่มีความเกี่ยวข้องกับการลักลอบขนส่งสินค้าผิดกฎหมายไปยังเมียนมา

หลังจากการดำเนินมาตรการดังกล่าว ประชาชนในเมืองเมียวดีต้องเผชิญกับภาวะขาดแคลนน้ำมันเชื้อเพลิงอย่างรุนแรง โดยน้ำมันเบนซินและดีเซลในท้องถิ่นมีราคาแพงขึ้นอย่างมาก เช่น ราคาน้ำมันดีเซลพุ่งสูงถึง 63 บาทต่อลิตร ขณะที่เบนซินอยู่ที่ 53 บาทต่อลิตร ส่งผลให้ประชาชนในเมืองเมียวดีจำนวนมากต้องขับรถข้ามพรมแดนไปเติมน้ำมันที่ฝั่งไทย

อย่างไรก็ตาม ทางการไทยได้จำกัดการเติมน้ำมันในฝั่งไทยให้เฉพาะการเติมในถังน้ำมันของรถยนต์เท่านั้น โดยไม่อนุญาตให้เติมน้ำมันใส่ถังแกลลอน เพื่อป้องกันการลักลอบนำเข้าน้ำมันเชื้อเพลิง ซึ่งทำให้ประชาชนในเมียวดีต้องพึ่งพาการข้ามไปเติมน้ำมันบ่อยขึ้น ขณะเดียวกัน ยังมีความกังวลว่าในอนาคตไทยอาจจำกัดจำนวนครั้งที่อนุญาตให้รถยนต์ข้ามไปเติมน้ำมัน

รัฐมนตรีกลาโหมของไทยได้กล่าวกับสื่อเมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ว่า ไทยจะห้ามการส่งออกน้ำมันเชื้อเพลิงไปยังเมียวดี, ท่าขี้เหล็ก และพญาตองซู เป็นระยะเวลา 6 เดือนเพื่อควบคุมปัญหาการลักลอบขนส่งน้ำมันไปยังเมียนมา ทั้งนี้ ทางการไทยยังคงยืนยันว่า มาตรการนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อป้องกันภัยคุกคามจากกลุ่มอาชญากรข้ามชาติ และไม่มีเจตนากระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างไทยและเมียนมา

ในส่วนของผลกระทบจากการจำกัดการส่งน้ำมันและกระแสไฟฟ้า ประชาชนในพื้นที่เมียวดีนอกจากจะประสบกับปัญหาขาดแคลนน้ำมันแล้ว ยังพบปัญหาการขาดแคลนไฟฟ้าและออกซิเจนในโรงพยาบาล ซึ่งส่งผลกระทบต่อการให้บริการด้านการแพทย์ ขณะเดียวกัน ปั๊มน้ำมันขนาดเล็กหลายแห่งในพื้นที่ต้องปิดบริการชั่วคราวเนื่องจากไม่มีน้ำมันสำรอง

จากการรายงานของท่าขี้เหล็ก ได้มีการเรียกร้องจากประธานหอการค้าเมียวดีให้รัฐบาลไทยทบทวนมาตรการดังกล่าว เนื่องจากมีผลกระทบต่อความเป็นอยู่ของประชาชนและการค้าชายแดน โดยเสนอให้ทั้งสองประเทศร่วมมือกันแก้ไขปัญหากลุ่มอาชญากรข้ามชาติอย่างมีประสิทธิภาพ และไม่ให้กระทบต่อการใช้ชีวิตของประชาชนในพื้นที่ชายแดน

ด้านกระทรวงการต่างประเทศของไทยยืนยันว่าได้แจ้งมาตรการดังกล่าวให้ทางการเมียนมาทราบแล้ว และยังคงย้ำว่ามาตรการนี้ไม่ส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ ขณะที่ทางสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ของไทยระบุว่าจะมีการเพิ่มมาตรการควบคุมในทุกมิติ เพื่อแก้ไขปัญหาการอาชญากรรมข้ามชาติและเสริมสร้างความมั่นคงในพื้นที่ชายแดน