ตาก 12 กุมภาพันธ์ 2568 – เจ้าหน้าที่หน่วยงานด้านความมั่นคงและความปลอดภัยได้สกัดจับชายชาวไทยวัย 40 ปี ขับรถกระบะบรรทุกน้ำมันดีเซลจำนวน 21 ถัง รวม 420 ลิตร เตรียมลักลอบส่งข้ามแดนไปยังฝั่งเมียนมา ซึ่งกำลังเผชิญปัญหาขาดแคลนน้ำมันและราคาน้ำมันพุ่งสูงอย่างมาก โดยเฉพาะในพื้นที่เมียวดีที่ราคาน้ำมันสูงถึงลิตรละ 140 บาท

การจับกุมครั้งนี้ถือเป็นการจับกุมครั้งที่ 3 แล้ว หลังจากก่อนหน้านี้ เจ้าหน้าที่ได้ทำการจับกุมผู้ต้องหาที่ลักลอบขนส่งน้ำมันไปยังเมียนมาแล้วทั้งหมด 2 ราย ก่อนหน้านี้ การจับกุมในครั้งนี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.อ.ณัฐกร เรือนติ๊บ ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจราชมนู ได้นำกำลังจาก ร้อย.ร.433 ร่วมกับ ชุดปฏิบัติการสกัดกั้นยาเสพติด กกล.นเรศวร, ตชด.346 และเจ้าหน้าที่ตำรวจจาก สภ.แม่สอด ตั้งจุดตรวจและสกัดกั้นที่จุดตรวจ บ.มหาวัน ม.1 ต.มหาวัน อ.แม่สอด จ.ตาก ซึ่งเป็นพื้นที่ใกล้กับชายแดนไทย-เมียนมา

เจ้าหน้าที่พบรถกระบะยี่ห้อโตโยต้า ไทเกอร์ ทะเบียน บจ 3790 ตาก บรรทุกน้ำมันดีเซลจำนวน 21 ถัง โดยมีนายเสรี (สงวนนามสกุล) อายุ 40 ปี ขับขี่ เมื่อถูกสอบสวน นายเสรียอมรับว่าได้ซื้อน้ำมันจำนวน 420 ลิตร จากปั้มน้ำมันในจังหวัดตากในราคา 32.94 บาทต่อลิตร เพื่อเตรียมนำไปส่งขายยังเมียนมา

การลักลอบขนส่งน้ำมันไปยังเมียนมานั้นเกิดจากราคาน้ำมันในฝั่งเมียนมาพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว เนื่องจากปัญหาการขาดแคลนและมาตรการปิดการส่งออกน้ำมันจากไทย ราคาน้ำมันในเมียวดีได้เพิ่มสูงขึ้นถึงลิตรละ 140 บาท ซึ่งเป็นราคาที่สูงกว่าในประเทศไทยหลายเท่าตัว ทำให้เกิดการลักลอบขนส่งน้ำมันจากไทยไปยังเมียนมาเพื่อเก็งกำไร

การจับกุมครั้งนี้เป็นการดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาลและหน่วยงานด้านความมั่นคงในการป้องกันการลักลอบขนส่งน้ำมันข้ามแดน โดยเจ้าหน้าที่ได้ดำเนินการสืบสวนขยายผลการจับกุมและส่งตัวนายเสรีให้พนักงานสอบสวน สภ.แม่สอด เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย ขณะเดียวกันยังมีการตรวจสอบเครือข่ายที่เกี่ยวข้องกับการลักลอบขนส่งน้ำมันอย่างต่อเนื่อง

นอกจากนี้ การจับกุมครั้งนี้ยังแสดงให้เห็นถึงความพยายามของเจ้าหน้าที่ในการควบคุมสถานการณ์การขาดแคลนน้ำมันในเมียนมา และการสกัดกั้นการกระทำผิดที่อาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและความมั่นคงของทั้งสองประเทศในระยะยาว