วันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2568 ที่บริเวณอารามสงฆ์ห้วยส้มป่อย บ้านห้วยส้มป่อย หมู่ที่ 2 ตำบลผาสิงห์ อำเภอเมืองน่าน จังหวัดน่าน นายกิตติพร ธังศิริ ปลัดอำเภอฝ่ายความมั่นคง อำเภอเมืองน่าน ได้รับมอบหมายจากนายอำเภอเมืองน่าน นายนพพร เรืองสว่าง ให้เป็นประธานเปิดกิจกรรมโครงการป้องกันและควบคุมไฟป่า (จัดทำแนวกันไฟ) ประจำปี พ.ศ. 2568 โดยมี นายรุ่งโรจน์ ขจรพงศ์กีรติ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลผาสิงห์ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน สมาชิก อบต.ผาสิงห์ และประชาชนในพื้นที่ตำบลผาสิงห์ ร่วมกิจกรรมฯ

ในกิจกรรมครั้งนี้ได้มีการจัดทำแนวกันไฟเพื่อป้องกันการลุกลามของไฟป่าที่อาจเกิดขึ้นในพื้นที่ โดยการสร้างแนวกันไฟนั้นถือเป็นการเตรียมความพร้อมในการป้องกันไฟป่าให้กับประชาชนในพื้นที่ ซึ่งการจัดทำแนวกันไฟมีความสำคัญอย่างมากในการลดการลุกลามของไฟและทำให้การควบคุมไฟป่าในกรณีที่เกิดเหตุสามารถทำได้อย่างมีประสิทธิภาพ

นายกิตติพร ธังศิริ กล่าวถึงวัตถุประสงค์ของการจัดกิจกรรมในครั้งนี้ว่า เป็นการฝึกทักษะการปฏิบัติการป้องกันและควบคุมไฟป่าร่วมกับประชาชนในพื้นที่ ให้มีความรู้และความเข้าใจในการป้องกันไฟป่า การสร้างแนวกันไฟจะช่วยให้ประชาชนสามารถป้องกันไฟได้ด้วยตนเอง รวมทั้งเป็นการสร้างความเข้าใจในเรื่องการดูแลรักษาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน

“การฝึกทักษะการควบคุมไฟป่าในครั้งนี้นอกจากจะช่วยป้องกันไม่ให้ไฟลุกลามแล้วยังเป็นการเสริมสร้างความร่วมมือในชุมชน โดยการทำงานร่วมกันในการป้องกันไฟป่าเป็นการสร้างความเข้มแข็งและสร้างความรับผิดชอบให้กับประชาชนในการรักษาทรัพยากรธรรมชาติของตนเอง” นายกิตติพร กล่าว

ด้านนายรุ่งโรจน์ ขจรพงศ์กีรติ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลผาสิงห์ ได้กล่าวเสริมว่า ปัญหาไฟป่าและหมอกควันเป็นปัญหาที่ส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตของประชาชนและสภาพแวดล้อม โดยฝุ่นละอองและควันพิษที่เกิดจากไฟป่าจะทำให้เกิดโรคทางเดินหายใจและอาการระคายเคือง จึงจำเป็นต้องมีการจัดการปัญหาอย่างเร่งด่วน การฝึกอบรมและการสร้างแนวกันไฟในครั้งนี้เป็นการสร้างความตระหนักรู้ให้กับประชาชน และช่วยลดผลกระทบจากไฟป่าและหมอกควันในช่วงฤดูร้อนที่จะมาถึง

“ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมาจะเป็นช่วงที่พบการเผามากที่สุด ดังนั้น การป้องกันและควบคุมไฟป่าจึงเป็นสิ่งสำคัญ ซึ่งการทำแนวกันไฟในวันนี้จะช่วยป้องกันการลุกลามของไฟที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต” นายรุ่งโรจน์กล่าว

โครงการนี้ยังมีการฝึกอบรมการจัดการกับไฟป่าระดับชุมชน ซึ่งการมีส่วนร่วมของประชาชนในพื้นที่ถือเป็นส่วนสำคัญในการดำเนินการป้องกันไฟป่า เพราะประชาชนในพื้นที่จะเป็นผู้มีบทบาทสำคัญในการควบคุมไฟป่าในระยะแรกและช่วยกันรักษาทรัพยากรธรรมชาติของตนเอง นอกจากนี้ยังมีการจัดทำแผนการเฝ้าระวังการเกิดไฟป่าร่วมกับเจ้าหน้าที่ภาครัฐ เพื่อให้สามารถควบคุมสถานการณ์ได้อย่างรวดเร็ว

สำหรับกิจกรรมในครั้งนี้ยังได้รับความร่วมมือจากภาคประชาชนทั้งในพื้นที่และหน่วยงานต่าง ๆ ซึ่งร่วมมือกันสร้างแนวกันไฟในพื้นที่เสี่ยงและเตรียมความพร้อมในการป้องกันและควบคุมไฟป่าในอนาคต การจัดกิจกรรมนี้ไม่เพียงแค่ช่วยลดความเสี่ยงจากไฟป่า แต่ยังเป็นการสร้างจิตสำนึกให้ประชาชนได้ตระหนักถึงความสำคัญของการรักษาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน