กรุงเทพฯ, 1 มีนาคม 2568 - ราคาทองคำในตลาดโลกเผชิญกับความผันผวนอย่างหนักในสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยราคาทองคำสปอตร่วงลงกว่า 1% ในวันศุกร์ และปิดสัปดาห์ด้วยการลดลงกว่า 3% ซึ่งเป็นการปรับตัวลงรายสัปดาห์ที่รุนแรงที่สุดในรอบ 3 เดือน ปัจจัยหลักที่กดดันราคาทองคำในครั้งนี้มาจาก 2 ปัจจัยหลัก ได้แก่

  • ดอลลาร์แข็งค่า
    • ดัชนีดอลลาร์สหรัฐปรับตัวสูงขึ้นใกล้ระดับสูงสุดในรอบ 2 สัปดาห์ ส่งผลให้ราคาทองคำซึ่งซื้อขายด้วยสกุลเงินดอลลาร์มีราคาแพงขึ้นสำหรับนักลงทุนจากต่างประเทศ
  • เฟดส่งสัญญาณตรึงดอกเบี้ย:
    • ข้อมูลดัชนีราคาการใช้จ่ายการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ของสหรัฐฯ ออกมาสอดคล้องกับที่คาดการณ์ไว้ ซึ่งบ่งชี้ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) อาจยังคงระมัดระวังในการปรับลดอัตราดอกเบี้ย
    • การที่เฟดยังคงตรึงอัตราดอกเบี้ยไว้ในระดับสูง ส่งผลให้ทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ไม่ให้ผลตอบแทนนั้นมีความน่าสนใจลดลง

นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาอย่างใกล้ชิดกับแผนการเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากเม็กซิโก แคนาดา และจีนของอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งมีกำหนดจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 4 มีนาคมนี้ โดยแผนภาษีดังกล่าวอาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกและความต้องการทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย

นักวิเคราะห์จาก Kitco Metals กล่าวว่า "ปัจจัยหลักที่ส่งผลกระทบต่อตลาดทองคำและโลหะเงินคือการขายทำกำไรในช่วงสัปดาห์นี้และดัชนีดอลลาร์ที่แข็งค่า"

ในขณะที่นักกลยุทธ์จาก TD Securities กล่าวว่า "การคาดการณ์แนวนโยบายของโดยรวมไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปมากนัก และในท้ายที่สุดแล้ว ไม่ได้เป็นปัจจัยสำคัญที่ผลักดันราคาทองคำมากนัก"

ภาพรวมตลาด

  • ราคาทองคำสปอต: ลดลง 1% สู่ระดับ 2,846.19 ดอลลาร์ต่อออนซ์
  • ราคาทองคำล่วงหน้าสหรัฐฯ: ลดลง 1.6% สู่ระดับ 2,848.50 ดอลลาร์ต่อออนซ์
  • ราคาโลหะเงินในตลาดลดลง 0.6% เหลือ 31.1 ดอลลาร์
  • ราคาแพลตตินัมลดลง 1.0% เหลือ 938.95 ดอลลาร์
  • แพลเลเดียมลดลง 0.2% เหลือ 917.60 ดอลลาร์

คำแนะนำสำหรับนักลงทุน:

นักลงทุนควรติดตามสถานการณ์ตลาดอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเคลื่อนไหวของดอลลาร์สหรัฐฯ และการตัดสินใจเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยของเฟด รวมถึงผลกระทบจากแผนภาษีของทรัมป์ การกระจายพอร์ตการลงทุนและพิจารณาลงทุนในสินทรัพย์ที่หลากหลายอาจช่วยลดความเสี่ยงในช่วงที่ตลาดมีความผันผวนสูง