สหรัฐฯ กำลังเดินหน้าบังคับใช้มาตรการใหม่ที่อาจสร้างแรงกระเพื่อมไปทั่วอุตสาหกรรมขนส่งทางทะเล โดยภายใต้ข้อเสนอล่าสุด รัฐบาลสหรัฐฯ มีแผนเรียกเก็บค่าธรรมเนียมเข้าท่าเรือสูงถึง 1 ล้านดอลลาร์ต่อเที่ยวสำหรับเรือที่เป็นของผู้ให้บริการขนส่งของจีน เช่น บริษัท COSCO และอาจสูงถึง 1.5 ล้านดอลลาร์ต่อเที่ยวสำหรับเรือที่ผลิตโดยจีนแต่ดำเนินการโดยผู้ให้บริการรายอื่น

มาตรการนี้ถูกออกแบบมาเพื่อกดดันจีนและส่งเสริมอุตสาหกรรมต่อเรือของสหรัฐฯ ซึ่งได้รับแรงสนับสนุนจากสหภาพแรงงานภายในประเทศ อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่า การเพิ่มต้นทุนการขนส่งเช่นนี้จะส่งผลโดยตรงต่อราคาสินค้า ตั้งแต่ของเล่น เสื้อผ้า อาหาร ไปจนถึงเชื้อเพลิง ซึ่งในที่สุดอาจทำให้ผู้บริโภคต้องจ่ายเงินมากขึ้น

ห่วงโซ่อุปทานเผชิญแรงกดดันจากหลายปัจจัย

ขณะที่มาตรการภาษีและค่าธรรมเนียมกำลังสร้างแรงสั่นสะเทือนให้กับภาคการขนส่งทางทะเล ห่วงโซ่อุปทานทั่วโลกก็ต้องเผชิญกับความท้าทายอื่น ๆ ไปพร้อมกัน ภัยธรรมชาติที่เกิดจากภาวะโลกร้อนทำให้ต้นทุนการขนส่งสูงขึ้น ขณะเดียวกัน ความตึงเครียดด้านความมั่นคงในเส้นทางเดินเรือสำคัญก็ซ้ำเติมสถานการณ์เข้าไปอีก

การโจมตีของกลุ่มฮูตีในทะเลแดง ทำให้เรือสินค้าหลายลำต้องเปลี่ยนเส้นทางจากคลองสุเอซไปอ้อมแอฟริกา ส่งผลให้ระยะเวลาขนส่งยาวนานขึ้นและต้นทุนเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ อัตราค่าระวางเรือยังคงผันผวน โดยข้อมูลล่าสุดจากดัชนี Drewry ระบุว่า ค่าระวางสำหรับตู้คอนเทนเนอร์ขนาด 40 ฟุตอยู่ที่ 2,629 ดอลลาร์ ซึ่งแม้จะลดลงถึง 75% จากช่วงโควิด แต่ยังคงได้รับแรงกดดันจากสถานการณ์ภูมิรัฐศาสตร์

ภาษีใหม่ของสหรัฐฯ อาจกระทบเศรษฐกิจโลก

นอกจากค่าธรรมเนียมท่าเรือแล้ว รัฐบาลสหรัฐฯ ยังเตรียมพิจารณาเรียกเก็บภาษีใหม่กับสินค้าหลายรายการ โดยอาจมีการกำหนดภาษี 25% สำหรับสินค้าจากเม็กซิโก เช่น อะโวคาโดและเตกีลา รวมถึงสินค้าจากแคนาดา เช่น เนื้อวัว ไม้แปรรูป และน้ำมัน ขณะที่ภาษีเหล็กและอะลูมิเนียมก็อาจถูกปรับขึ้น และยังมีแนวโน้มที่สินค้าจากสหภาพยุโรปอาจถูกเก็บภาษีสูงถึง 25%

ปีเตอร์ แซนด์ หัวหน้านักวิเคราะห์จาก Xeneta เตือนว่า มาตรการทางเศรษฐกิจเหล่านี้อาจนำไปสู่การตอบโต้จากประเทศคู่ค้า และสร้างแรงกดดันต่อเศรษฐกิจโลกมากขึ้น หากสหรัฐฯ และประเทศต่าง ๆ เดินหน้าใช้มาตรการตอบโต้ทางการค้า อุตสาหกรรมขนส่งและผู้บริโภคทั่วโลกอาจต้องเผชิญกับต้นทุนที่สูงขึ้น

อนาคตของอุตสาหกรรมขนส่งทางทะเล

การประชุมซัพพลายเชนของ S&P Global ในลองบีชที่จัดขึ้นในสัปดาห์นี้ ถือเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญของฤดูกาลเจรจาสัญญาขนส่ง ซึ่งปีนี้เต็มไปด้วยปัจจัยเสี่ยง ทั้งจากภาษี ค่าธรรมเนียม และความไม่แน่นอนทางการเมือง

ผู้ประกอบการขนส่งสินค้า ผู้นำเข้า และผู้ผลิตทั่วโลก ต่างต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เพราะในขณะที่มาตรการใหม่ของสหรัฐฯ กำลังเปลี่ยนแปลงเกมการค้า ความสามารถในการปรับตัวอย่างรวดเร็วอาจเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้ธุรกิจอยู่รอดท่ามกลางกระแสความไม่แน่นอนที่เพิ่มขึ้น

ที่มา : reuters