ค่าเงินบาทเปิดเช้าวันที่ 10 มีนาคม 2568 ที่ระดับ 33.72 บาทต่อดอลลาร์ อ่อนค่าลงเล็กน้อยจากระดับปิดสัปดาห์ก่อนหน้าที่ 33.64 บาทต่อดอลลาร์ โดยนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าค่าเงินบาทอาจแกว่งตัวในกรอบ Sideways ท่ามกลางปัจจัยกดดันจากทิศทางค่าเงินหยวน ราคาทองคำ และแนวโน้มค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ

นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS กล่าวว่า ตั้งแต่คืนวันศุกร์ที่ผ่านมา เงินบาทเคลื่อนไหวผันผวนและทยอยอ่อนค่าลงในลักษณะ Sideways Up โดยมีกรอบการเคลื่อนไหวระหว่าง 33.58-33.78 บาทต่อดอลลาร์

ในช่วงแรก เงินบาทได้รับแรงหนุนจากการปรับตัวขึ้นของราคาทองคำ และการย่อตัวของดอลลาร์สหรัฐ หลังรายงานข้อมูลการจ้างงานของสหรัฐฯ ออกมาผสมผสาน อย่างไรก็ตาม เงินบาทกลับมาอ่อนค่าต่อเนื่อง เนื่องจากดอลลาร์แข็งค่าขึ้นตามท่าทีของประธานเฟดที่ย้ำจุดยืนไม่เร่งลดดอกเบี้ย ขณะที่ตลาดยังคงกังวลแนวโน้มภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวและอัตราเงินเฟ้อสูง (Stagflation)

สำหรับปัจจัยที่ต้องจับตาในตลาดโลก มีหลายเรื่องที่อาจส่งผลต่อทิศทางของค่าเงินและเศรษฐกิจโลก:

  1. สหรัฐอเมริกา: การรายงานอัตราเงินเฟ้อ CPI เดือนกุมภาพันธ์ อาจส่งผลกระทบต่อแนวโน้มดอกเบี้ยของเฟด ซึ่งตลาดคาดว่าเฟดอาจปรับลดดอกเบี้ย 3 ครั้งในปีนี้ และอีก 1 ครั้งในปีหน้า ขณะเดียวกัน ข้อมูลตลาดแรงงาน เช่น ยอดผู้ขอรับสวัสดิการว่างงาน (Jobless Claims) ก็จะถูกจับตามองอย่างใกล้ชิด

  2. ยุโรป: ตลาดรอติดตามถ้อยแถลงจากธนาคารกลางยุโรป (ECB) หลังการปรับลดดอกเบี้ยครั้งล่าสุด ขณะที่เศรษฐกิจยุโรปได้รับแรงหนุนจากการเพิ่มงบประมาณด้านการทหารและโครงสร้างพื้นฐาน

  3. ญี่ปุ่นและเอเชีย: นักลงทุนจับตาการดำเนินนโยบายของธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) และแนวโน้มอัตราการเติบโตของค่าจ้าง ขณะที่ตลาดประเมินโอกาสที่ BOJ จะขึ้นดอกเบี้ยอีก 2 ครั้งในปีนี้

  4. ประเทศไทย: ตลาดรอติดตามรายงานดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่อาจฟื้นตัวตามภาวะเศรษฐกิจ อย่างไรก็ตาม ความเสี่ยงด้านสงครามการค้าอาจเป็นปัจจัยกดดันความเชื่อมั่นของผู้บริโภค

สำหรับผลกระทบต่อภาคธุรกิจและการลงทุน ค่าเงินบาทที่อ่อนค่าอาจช่วยสนับสนุนภาคการส่งออกของไทย แต่ในขณะเดียวกันก็อาจส่งผลกระทบต่อต้นทุนการนำเข้าสินค้าและวัตถุดิบที่สูงขึ้น ส่วนตลาดหุ้นไทยอาจมีความผันผวนจากการเคลื่อนย้ายเงินทุนของนักลงทุนต่างชาติ

ในส่วนของตลาดคริปโตเคอร์เรนซี การผันผวนของค่าเงินบาทอาจส่งผลต่อการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัล โดยเฉพาะในช่วงที่ตลาดคริปโตได้รับผลกระทบจากปัจจัยเศรษฐกิจโลก นักลงทุนควรติดตามข่าวสารเกี่ยวกับนโยบายของรัฐบาลไทยต่อสินทรัพย์ดิจิทัลและแนวโน้มของ Stablecoins ที่อาจช่วยลดความผันผวนของค่าเงินดิจิทัลในอนาคต

แนวโน้มค่าเงินบาทในสัปดาห์นี้คาดว่าจะอยู่ในกรอบ 33.45-34.00 บาทต่อดอลลาร์ และในช่วง 24 ชั่วโมงข้างหน้าคาดว่าจะอยู่ที่ 33.60-33.80 บาทต่อดอลลาร์ นักลงทุนควรติดตามสถานการณ์ทางเศรษฐกิจและใช้กลยุทธ์ในการป้องกันความเสี่ยงจากการผันผวนของค่าเงิน