โซล 10 มี.ค. – เกาหลีเหนือได้ทดสอบยิงขีปนาวุธหลายลูกในวันนี้ ซึ่งถือเป็นการทดสอบขีปนาวุธครั้งล่าสุดของประเทศ หลังจากที่ก่อนหน้านี้ไม่กี่ชั่วโมงได้ออกแถลงการณ์ประณามการซ้อมรบร่วมระหว่างกองทัพเกาหลีใต้และสหรัฐ ที่รัฐบาลเปียงยางมองว่าเป็น “การทำยั่วยุที่เป็นอันตราย” ซึ่งอาจเสี่ยงที่จะจุดชนวนให้เกิดการเผชิญหน้าที่ไม่คาดคิด

เหตุการณ์และข้อเรียกร้องจากเกาหลีเหนือ กองทัพเกาหลีใต้กล่าวว่า ขีปนาวุธที่เกาหลีเหนือยิงออกมาในครั้งนี้ถูกปล่อยออกจากภุมิภาคทางตะวันตกของประเทศและตกลงในทะเลเหลือง การทดสอบยิงขีปนาวุธนี้ถือเป็นการทดสอบครั้งแรกที่ได้รับการรายงานตั้งแต่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เข้ารับตำแหน่งผู้นำสหรัฐในเดือนมกราคมที่ผ่านมา

การซ้อมรบครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของการซ้อมรบร่วมประจำปีระหว่างกองทัพเกาหลีใต้และสหรัฐในชื่อรหัส "ฟรีดอม ชีลด์" (Freedom Shield) ซึ่งมีเป้าหมายในการเตรียมความพร้อมรับมือกับภัยคุกคามจากเกาหลีเหนือ การซ้อมรบจะดำเนินไปจนถึงวันที่ 20 มีนาคม โดยภายในโปรแกรมมีการฝึกการใช้กระสุนจริง แม้ว่าการฝึกยิงกระสุนจริงจะถูกระงับไปชั่วคราวหลังจากที่เครื่องบินขับไล่ของเกาหลีใต้ทิ้งระเบิดพลาดเป้าหมายและตกลงในเมืองที่มีพลเรือนอาศัยอยู่ใกล้กับพรมแดนเกาหลีเหนือเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 29 ราย

การตอบสนองของเกาหลีเหนือ เกาหลีเหนือได้ประณามการซ้อมรบร่วมระหว่างเกาหลีใต้และสหรัฐอย่างรุนแรง โดยระบุว่า การซ้อมรบเป็นการแสดงความยั่วยุที่เกาหลีเหนือไม่สามารถยอมรับได้ เปียงยางยืนยันว่า การฝึกซ้อมเหล่านี้เป็นการเตรียมความพร้อมสำหรับการบุกรุกเกาหลีเหนือ และถือเป็นการกระทำที่ขัดแย้งกับสันติภาพในภูมิภาค

การยิงขีปนาวุธล่าสุดของเกาหลีเหนือสามารถมองได้ว่าเป็นการตอบโต้การซ้อมรบร่วมนี้และแสดงถึงการเสริมสร้างพลังทางทหารเพื่อข่มขู่หรือสร้างแรงกดดันให้กับฝ่ายตรงข้าม เกาหลีเหนือได้ทดสอบอาวุธที่มีพลังทำลายล้างสูงหลายครั้งในช่วงที่ผ่านมา เพื่อลดแรงกดดันจากความสัมพันธ์ที่ตึงเครียดกับเกาหลีใต้และสหรัฐ

บทบาทของสหรัฐและเกาหลีใต้ ในทางกลับกัน, สหรัฐและเกาหลีใต้ยืนยันว่า การซ้อมรบมีเป้าหมายเพื่อเตรียมความพร้อมในการรับมือกับภัยคุกคามที่อาจเกิดขึ้นจากเกาหลีเหนือ รวมถึงการเพิ่มประสิทธิภาพการป้องกันและการรักษาความมั่นคงในภูมิภาค ท่าทีของเกาหลีใต้เน้นว่า การซ้อมรบเป็นการป้องกันภัยที่ไม่เกี่ยวข้องกับการบุกรุกเกาหลีเหนือ แต่เป็นการฝึกฝนร่วมกับพันธมิตรเพื่อรับมือกับภัยคุกคามในอนาคต

การทดสอบขีปนาวุธในเชิงการเมืองและยุทธศาสตร์ การทดสอบขีปนาวุธของเกาหลีเหนือไม่เพียงแต่เป็นการแสดงถึงพลังทางทหารเท่านั้น แต่ยังส่งข้อความทางการเมืองที่ชัดเจนถึงสหรัฐและเกาหลีใต้ เกาหลีเหนือมักใช้การทดสอบอาวุธเพื่อสร้างความกดดันในการเจรจาทางการทูต โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่มีการซ้อมรบหรือการเปลี่ยนแปลงของรัฐบาลในต่างประเทศ

นอกจากนี้ยังมีการคาดการณ์ว่า การทดสอบยิงขีปนาวุธของเกาหลีเหนืออาจเป็นการทดสอบเทคโนโลยีใหม่ เช่น ขีปนาวุธที่สามารถโจมตีเป้าหมายในระยะไกลหรือมีความแม่นยำสูง ซึ่งสามารถเพิ่มความสามารถในการป้องกันตัวและข่มขู่คู่แข่งได้

ผลกระทบในอนาคตและความท้าทายทางการทูต ความตึงเครียดที่เกิดขึ้นระหว่างเกาหลีเหนือและพันธมิตรในภูมิภาคยังคงเป็นประเด็นที่ท้าทายสำหรับการทูตระหว่างประเทศต่างๆ การทดสอบขีปนาวุธของเกาหลีเหนืออาจเป็นการบ่งชี้ถึงความไม่พอใจที่เกาหลีเหนือมีต่อการเจรจาทางการทูตและความพยายามในการปรับตัวในความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการเจรจาและความพยายามในการสร้างสันติภาพในคาบสมุทรเกาหลี

ในขณะเดียวกัน ความเคลื่อนไหวดังกล่าวอาจทำให้ประเทศต่างๆ ในภูมิภาคมีความกังวลและต้องเตรียมความพร้อมทางทหารในกรณีที่สถานการณ์เลวร้ายลง ซึ่งอาจนำไปสู่การทบทวนแนวทางในการรับมือกับเกาหลีเหนือจากหลายๆ ประเทศ ทั้งในด้านการทูตและการเสริมสร้างความมั่นคงทางทหาร