ตลาดหุ้นไทยวันที่ 14 มีนาคม 2568 คาดการณ์แนวโน้มแกว่งตัวแบบ Sideways/Down โดยบริษัทหลักทรัพย์กรุงศรีให้แนวต้านที่ 1,173-1,180 จุด และแนวรับที่ 1,156-1,150 จุด โดยปัจจัยที่กดดันตลาดในวันนี้ยังคงเป็นภาวะ Risk-Off จากความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของนโยบายกีดกันการค้าของสหรัฐ ซึ่งประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เตรียมขึ้นภาษีนำเข้าไวน์และแชมเปญจากยุโรปอีก 200% เพื่อตอบโต้การที่ยุโรปขู่ขึ้นภาษีนำเข้าวิสกี้สหรัฐ 50%

แม้ว่าดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ของสหรัฐในเดือนกุมภาพันธ์จะต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ แต่ค่ารักษาพยาบาลที่เพิ่มขึ้นส่งสัญญาณว่าดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) อาจปรับขึ้น ซึ่งส่งผลต่อแนวโน้มการดำเนินนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) นักลงทุนยังคงจับตาดูความเคลื่อนไหวของตลาดที่มีมูลค่าซื้อขายสูงเมื่อเทียบกับตลาดหุ้นอื่น ๆ

ด้านกระทรวงการคลังของไทยยังคงเดินหน้าขายหุ้น 19 ตัวที่ไม่อยู่ในยุทธศาสตร์ของรัฐ แม้จะเน้นการขายหุ้นขนาดเล็ก แต่ก็อาจสร้างผลกระทบเชิงลบต่อบรรยากาศการลงทุน อย่างไรก็ตาม ปัจจัยบวกในตลาดมาจากข่าวที่รัสเซียแสดงท่าทีสนับสนุนการเจรจาหยุดยิงในยูเครน รวมถึงแผนโครงการหวยเกษียณที่อาจช่วยให้เกิดเงินลงทุนระยะยาวใหม่ แม้ในระยะแรกอาจมีเงินไหลเข้าสู่ตลาดหุ้นไม่มากนัก แต่ในระยะยาวจะช่วยเพิ่มฐานการลงทุนของประชาชน

ตลาดหุ้นไทยยังคงอยู่ในโซนมูลค่าถูก โดยมีส่วนต่างผลตอบแทน (Equity Risk Premium – ERP) สูงกว่าค่าเฉลี่ยมากกว่า 1.5 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ซึ่งอาจช่วยลดแรงกดดันจากความผันผวนของตลาดได้ การลงทุนในช่วงนี้ควรมุ่งเน้นไปที่หุ้นกลุ่มมูลค่าต่ำที่มีโอกาสฟื้นตัว หุ้นป้องกันความเสี่ยง และหุ้นที่ได้รับปัจจัยบวกเฉพาะตัว โดยบริษัทหลักทรัพย์กรุงศรีแนะนำหุ้น BDMS, BCH และ CBG

ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลง โดยราคาน้ำมันดิบเบรนท์ปิดที่ 69.88 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ลดลง 1.51% และน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสปิดที่ 66.55 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ลดลง 1.67% ราคาสินค้าโภคภัณฑ์อื่น ๆ มีการเคลื่อนไหวที่แตกต่างกัน โดยก๊าซธรรมชาติปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.66% ปิดที่ 4.111 ดอลลาร์ต่อ MMBtu ราคาน้ำตาลเพิ่มขึ้น 2.07% ปิดที่ 19.25 เซนต์ต่อปอนด์ และถั่วเหลืองเพิ่มขึ้น 1.02% ปิดที่ 1,010.75 เซนต์ต่อบุชเชล ในขณะที่ยาง TOCOM ลดลง 1.75% ปิดที่ 337.2 เยนต่อกิโลกรัม

ดัชนีค่าระวางเรือ (BDI) ปรับตัวเพิ่มขึ้น 5.84% ปิดที่ 1,650 จุด ขณะที่ราคาทองคำยังคงปรับตัวขึ้น 1.85% ปิดที่ 2,989.18 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ด้านราคาบิทคอยน์ปรับตัวลดลง 3.35% ปิดที่ 80,323.17 ดอลลาร์