สถานการณ์ไฟป่าและมลพิษในจังหวัดเชียงใหม่ยังคงมีความรุนแรงอย่างต่อเนื่อง โดยในวันนี้ (27 มี.ค. 68) รายงานจากกรมควบคุมมลพิษเผยว่าในพื้นที่เชียงใหม่พบจุดความร้อนจากการเผาป่ากว่า 300 จุด โดยดาวเทียมตรวจจับพบถึง 313 จุดในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่เมื่อวันที่ 26 มี.ค. 68 ซึ่งเป็นสัญญาณที่ชี้ให้เห็นถึงวิกฤตการณ์ไฟป่าที่กำลังเกิดขึ้นอย่างหนัก โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคเหนือที่มีการเผาป่าเพิ่มมากขึ้น รวมทั้งปัญหาการเผาในพื้นที่ใกล้เคียงและประเทศเพื่อนบ้าน ที่ทำให้ปัญหาฝุ่นควันยืดเยื้อยาวนานหลายวัน

จากการตรวจวัดค่าฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM 2.5) ในสถานีต่าง ๆ ของจังหวัดเชียงใหม่ พบว่าค่าฝุ่นละอองเฉลี่ยใน 24 ชั่วโมงเกินค่ามาตรฐานในทุกสถานี ซึ่งอาจทำให้เกิดผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนได้ ตัวอย่างเช่น ที่ตำบลหางดง อำเภอฮอด พบค่าฝุ่น PM 2.5 สูงถึง 96.5 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร จากค่ามาตรฐานที่ไม่เกิน 37.5 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร นอกจากนี้ ดัชนีคุณภาพอากาศ (AQI) ในหลายพื้นที่ยังอยู่ในระดับที่ไม่ปลอดภัย โดยตำบลช้างเผือกมี AQI อยู่ที่ 154 ซึ่งแสดงถึงมลพิษอากาศที่มีผลกระทบต่อสุขภาพ

ขณะเดียวกัน เว็บไซต์ Iqair.com ซึ่งรายงานข้อมูลคุณภาพอากาศทั่วโลก แจ้งว่าเชียงใหม่มีดัชนีคุณภาพอากาศ (US AQI) อยู่ที่ 161 โดยค่า PM 2.5 วัดได้ 70 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร ซึ่งเกินค่ามาตรฐานและจัดอยู่ในอันดับที่ 8 ของเมืองที่มีมลพิษอากาศสูงที่สุดในโลก โดยมีเมืองที่มีมลพิษมากที่สุด 3 อันดับ ได้แก่ ไคโร (อียิปต์) แบกแดด (อิรัก) และเฉิงตู (จีน)

แม้สถานการณ์จะยังคงยืดเยื้อ แต่มีความหวังว่าจะมีการบรรเทาผลกระทบในช่วงปลายเดือนมีนาคมนี้ โดยคาดว่าจะเกิดพายุฤดูร้อนในภาคเหนือ ซึ่งอาจช่วยลดความรุนแรงของไฟป่าและฝุ่นควันลงได้ โดยศูนย์อุตุนิยมวิทยาภาคเหนือได้ออกประกาศเตือนว่าในระหว่างวันที่ 29 มี.ค.-1 เม.ย. 68 จะมีพายุฤดูร้อนพัดเข้ามาในพื้นที่ภาคเหนือ รวมถึงเชียงใหม่ ซึ่งอาจทำให้ฝนตกหนัก ลมกระโชกแรง และอาจเกิดฟ้าผ่าและลูกเห็บตกได้

อย่างไรก็ตาม ทางเจ้าหน้าที่ได้แนะนำให้ประชาชนระวังอันตรายจากพายุฤดูร้อนที่อาจเกิดขึ้น และหากมีการเดินทางในช่วงนี้ควรหลีกเลี่ยงพื้นที่โล่งแจ้งและป้ายโฆษณาที่อาจไม่แข็งแรง รวมถึงเกษตรกรควรเสริมความแข็งแรงให้กับต้นไม้และผลผลิตทางการเกษตร เพื่อป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นจากพายุฤดูร้อนที่จะเข้ามา