ในป่าของเกาะโออาฮู ซึ่งเป็นเกาะที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับสามของรัฐฮาวาย นักวิจัยพบว่า มนุษย์ได้เผลอสร้างระบบนิเวศใหม่ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ซึ่งเป็นการสะท้อนถึงธรรมชาติในอนาคตที่เรากำลังเผชิญอยู่

เมื่อคุณเดินเข้าไปในป่าของโออาฮู คุณอาจพบต้นพริกไทย อบเชย และต้นฝรั่งที่กระจายอยู่ทั่ว ซึ่งเป็นพันธุ์ไม้ที่มนุษย์ได้นำมาปลูกตั้งแต่สมัยโบราณ "มันสวยงาม" คอรีย์ ทาร์วอเตอร์ นักนิเวศวิทยาจากมหาวิทยาลัยไวโอมิง กล่าวถึงประสบการณ์ของเขาที่เดินสำรวจป่าแห่งนี้ตั้งแต่ปี 2014 เขาเล่าถึงการได้ยินเสียงของนกหายากและมองเห็นสัตว์เลื้อยคลานที่น่าสนใจ "มันเป็นป่าที่มีโครงสร้างน่าทึ่งและเต็มไปด้วยพันธุ์ไม้เขตร้อน" เขากล่าว

แต่ทาร์วอเตอร์ยังชี้ให้เห็นว่า สิ่งที่เห็นอาจไม่เป็นไปตามที่คาดไว้ "หากคุณเดินป่าในโออาฮู คุณจะไม่พบพืชพื้นเมืองเลยแม้แต่ต้นเดียว" ป่าของโออาฮูในปัจจุบันเกือบทั้งหมดเต็มไปด้วยพืชจากต่างประเทศ หลังจากที่มนุษย์นำสัตว์นักล่าและพาหะโรคเข้ามาในเกาะ สัตว์และพืชพื้นเมืองหลายชนิดได้สูญพันธุ์ไปอย่างรวดเร็ว ป่าของโออาฮูในปัจจุบันจึงเต็มไปด้วยพันธุ์ไม้จากทั่วทุกมุมโลก เช่น ต้นพริกจากบราซิล อบเชยจากอินโดนีเซีย และต้นไม้จากฮิมาลัยและออสเตรเลีย

แม้จะมีการบุกรุกจากพันธุ์ไม้ต่างประเทศ แต่ทาร์วอเตอร์และทีมงานกลับพบว่า นกบางชนิดที่มีบทบาทในการกระจายเมล็ดพืช ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นหน้าที่ของนกพื้นเมืองที่สูญพันธุ์ไปแล้ว กำลังทำงานร่วมกับพืชพื้นเมืองเพื่อสร้างระบบนิเวศใหม่ที่มีความหลากหลายและมีความสมดุล แม้ว่าระบบนิเวศที่เกิดขึ้นนี้จะไม่เคยมีมาก่อน แต่ก็ทำงานได้คล้ายกับระบบนิเวศดั้งเดิมที่วิวัฒนาการมาเป็นเวลาหลายล้านปี

นักวิจัยเชื่อว่าระบบนิเวศแบบนี้เรียกว่า "ระบบนิเวศใหม่" หรือ "Novel Ecosystem" ซึ่งเกิดจากการผสมผสานของพันธุ์ไม้และสัตว์จากทั่วโลก ระบบนิเวศนี้เป็นผลจากกิจกรรมของมนุษย์ เช่น การสร้างที่อยู่อาศัยใหม่ และการเปลี่ยนแปลงสิ่งแวดล้อมที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว

การศึกษาระบบนิเวศของโออาฮูไม่เพียงแต่ช่วยให้เราเข้าใจถึงระบบนิเวศของเกาะนี้ แต่ยังเป็นการเรียนรู้ถึงอนาคตของโลก หากมนุษย์ยังคงทำลายสิ่งแวดล้อมและผลักดันให้เกิดการสูญพันธุ์ของสัตว์และพืช ระบบนิเวศแบบนี้อาจกลายเป็นเรื่องปกติในอนาคต

บางพื้นที่ที่มนุษย์ได้ทำลายสิ่งแวดล้อมไปแล้ว การฟื้นฟูสภาพเดิมอาจเป็นเรื่องยากที่จะทำได้ นั่นจึงทำให้มีนักวิจัยบางกลุ่มแนะนำให้เราคิดใหม่เกี่ยวกับวิธีการรักษาธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เนื่องจากหลายๆ พื้นที่ตอนนี้ได้กลายเป็นระบบนิเวศใหม่ที่ไม่สามารถย้อนกลับไปสู่สภาพเดิมได้

การศึกษานี้ทำให้เราเห็นว่า การรักษาความหลากหลายทางชีวภาพในระบบนิเวศที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของมนุษย์นั้นมีความสำคัญอย่างยิ่ง หากเราไม่ดำเนินการอย่างระมัดระวัง สิ่งที่เราทำในปัจจุบันอาจทำให้เกิดความเสียหายที่ไม่สามารถแก้ไขได้ในอนาคต

ที่มา : BBC