สงครามลุกลาม! อิสราเอลถล่มเป้าหมายนิวเคลียร์อิหร่าน เตหะรานสวนกลับโจมตีโรงพยาบาล

สถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลางทวีความรุนแรงขึ้นอย่างน่ากังวล เมื่ออิสราเอลเปิดฉากโจมตีศูนย์วิจัยนิวเคลียร์ในอิหร่านเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา พร้อมเป้าหมายสำคัญหลายจุดในเมืองนาทานซ์ อิสฟาฮาน และอารัก ขณะที่อิหร่านไม่รอช้า โต้กลับด้วยขีปนาวุธและฝูงโดรนพุ่งเข้าใส่เมืองต่าง ๆ ของอิสราเอล โดยหนึ่งในจุดที่ได้รับความเสียหายหนักคือโรงพยาบาลในเมืองเบียร์ชีบา ซึ่งมีพลเรือนได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตจากแรงระเบิด

การโจมตีกลับของอิหร่านครั้งนี้นับเป็นการใช้ระเบิดลูกปราย (cluster munitions) เป็นครั้งแรกในความขัดแย้งรอบนี้ สร้างความเสียหายเป็นวงกว้างและทำให้ฝ่ายอิสราเอลกล่าวหาว่าเป็นการจงใจสังหารพลเรือนและละเมิดกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศอย่างร้ายแรง ขณะเดียวกันเตหะรานยืนยันว่าพุ่งเป้าไปยังศูนย์ข่าวกรองของอิสราเอลซึ่งตั้งอยู่ใกล้โรงพยาบาล แต่กองทัพอิสราเอลปฏิเสธว่ามีเป้าหมายทางทหารในบริเวณดังกล่าว

รัฐบาลของนายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ยืนยันจะเดินหน้าปฏิบัติการทางทหารต่อไป โดยเน้นทำลายโครงสร้างของรัฐบาลอิหร่านอย่างเป็นระบบ เพื่อสกัดความพยายามในการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ รวมถึงส่งสัญญาณชัดว่าหากอิหร่านยังสนับสนุนกลุ่มติดอาวุธในภูมิภาค อิสราเอลก็พร้อมจะยกระดับปฏิบัติการให้ถึงขั้นล้มล้างอำนาจของผู้นำสูงสุดอิหร่าน

ด้านเตหะรานเริ่มมีท่าทีแข็งกร้าวมากขึ้น โดยสื่อท้องถิ่นรายงานว่าอิหร่านอาจพิจารณาปิดช่องแคบฮอร์มุซ ซึ่งเป็นเส้นทางเดินเรือที่สำคัญที่สุดของโลก หากชาติตะวันตกเข้าร่วมความขัดแย้ง ขณะที่โฆษกของกองกำลังพิทักษ์ปฏิวัติอิสลามออกมาเตือนว่า หากมี "บุคคลที่สาม" เข้ามาแทรกแซงหรือหนุนหลังอิสราเอลอย่างเปิดเผย อิหร่านจะเปลี่ยนแผนการรบทันที

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ ยังคงรักษาท่าทีอย่างระมัดระวัง โดยระบุว่าเขาจะตัดสินใจในอีกสองสัปดาห์ว่าจะเข้าร่วมสนับสนุนอิสราเอลหรือไม่ อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์หลายฝ่ายมองว่าเส้นตาย "สองสัปดาห์" ของทรัมป์อาจไม่ใช่กรอบเวลาที่แน่นอน เนื่องจากเคยใช้คำนี้มาแล้วในหลายวาระก่อนหน้านี้โดยไม่มีการดำเนินการจริง

ในขณะที่การปะทะดำเนินไป การสื่อสารภายในอิหร่านกลับถูกตัดขาดอย่างมีนัยสำคัญ รัฐบาลปิดอินเทอร์เน็ตทั่วประเทศ และสั่งห้ามประชาชนเผยแพร่ภาพความเสียหายหรือพูดถึงผู้เสียชีวิต ส่งผลให้ประเมินสถานการณ์ภายในประเทศได้ยากขึ้น สื่อทางการเองก็หยุดรายงานยอดผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตตั้งแต่ต้นสัปดาห์

เสียงระเบิดยังคงดังสนั่นในกรุงเตหะราน ขณะที่ท้องฟ้าเหนือเมืองสว่างวาบจากการทำงานของระบบป้องกันภัยทางอากาศ ชาวบ้านต่างหลบภัยอยู่ภายใต้ความมืดมิดและความไม่แน่นอน แม้หลายฝ่ายเรียกร้องให้ทั้งสองประเทศยุติการโจมตี แต่ขณะนี้ยังไม่มีสัญญาณว่าฝ่ายใดจะยอมถอยจากสมรภูมิที่กำลังลุกเป็นไฟนี้