ศูนย์วิจัยกสิกรไทยเปิดเผยว่า ในปี 2024 ไทยส่งออกเครื่องสุขภัณฑ์คิดเป็น 30% ของมูลค่ารวมไปยังตลาดสหรัฐฯ ซึ่งเป็นตลาดหลักอันดับต้นๆ ของสินค้าไทยในกลุ่มนี้ อย่างไรก็ตาม การแข่งขันกลับทวีความเข้มข้น เนื่องจาก 85% ของเครื่องสุขภัณฑ์ที่สหรัฐฯ นำเข้ามาจากจีนและเม็กซิโก โดยจีนครองสัดส่วนสูงถึง 52% หรือราว 516 ล้านดอลลาร์ ตามมาด้วยเม็กซิโก 33% หรือราว 332 ล้านดอลลาร์

สำหรับอ่างล้างหน้า สถานการณ์ยิ่งชัดเจนยิ่งขึ้น โดย 74% ของสินค้าที่สหรัฐฯ นำเข้ามาจากจีนและเม็กซิโก จีนครองสัดส่วน 59% หรือราว 90 ล้านดอลลาร์ ขณะที่เม็กซิโกมีส่วนแบ่ง 15% หรือราว 22 ล้านดอลลาร์ ส่วนไทยครองเพียง 9% หรือราว 14 ล้านดอลลาร์

ผลกระทบจากการปรับขึ้นภาษีนำเข้า
แม้ไทยจะได้สิทธิภาษี Reciprocal 19% สำหรับการส่งออกไปสหรัฐฯ แต่การประกาศ ภาษีทรัมป์ 2.0 ที่จะมีผลในวันที่ 27 สิงหาคม 2025 ทำให้หลายประเทศคู่แข่งเผชิญภาษีสูงขึ้น เช่น จีนต้องจ่ายภาษีเครื่องสุขภัณฑ์เพิ่มเป็น 35.8% และอ่างล้างหน้าเพิ่มเป็น 55.8% ขณะที่ไทยยังคงอยู่ที่ 19% ซึ่งถือเป็นข้อได้เปรียบด้านต้นทุนเมื่อเทียบกับจีนและเวียดนาม แต่ยังต้องแข่งขันกับประเทศในกลุ่ม USMCA อย่างเม็กซิโกและแคนาดาที่ได้รับสิทธิภาษี 0%

แนวโน้มปี 2025
คาดว่ามูลค่าการนำเข้าโถสุขภัณฑ์จากไทยไปสหรัฐฯ จะขยายตัว 19% จาก 42 ล้านดอลลาร์ในปี 2024 เป็นราว 50 ล้านดอลลาร์ในปี 2025 เนื่องจากได้อานิสงส์จากภาษีทรัมป์ 2.0 และการลดการนำเข้าสินค้าจากจีน แต่ในทางกลับกัน การส่งออกอ่างล้างหน้าจากไทยไปสหรัฐฯ อาจหดตัวถึง 55% เหลือเพียงราว 6 ล้านดอลลาร์ จากเดิม 14 ล้านดอลลาร์ เนื่องจากการแข่งขันจากเม็กซิโกและประเทศอื่นที่ได้รับสิทธิภาษีต่ำหรือ 0%

ความท้าทายและโอกาสของผู้ประกอบการไทย
แม้ไทยจะมีข้อได้เปรียบด้านภาษีในบางสินค้าหลังการบังคับใช้ภาษีทรัมป์ 2.0 แต่การรักษาส่วนแบ่งตลาดในสหรัฐฯ ยังต้องอาศัยการพัฒนาคุณภาพสินค้า การสร้างความแตกต่างด้านดีไซน์และฟังก์ชัน รวมถึงการบริหารต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อแข่งขันกับผู้เล่นรายใหญ่โดยเฉพาะจากกลุ่ม USMCA ที่ได้เปรียบด้านภาษีอย่างชัดเจน

ที่มา : kasikornresearch