บริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ของจีน Tencent เปิดเผยเมื่อวันพุธว่า สถานการณ์การนำเข้าชิป AI จากสหรัฐฯ ยังคงไม่มีความชัดเจน ท่ามกลางการเจรจาระหว่างรัฐบาลปักกิ่งและวอชิงตันที่ยังดำเนินอยู่ อย่างไรก็ตาม บริษัทมั่นใจว่ามีปริมาณชิปเพียงพอสำหรับการดำเนินงานด้าน AI ทั้งการฝึกโมเดลและการให้บริการ

Martin Lau ประธานบริษัท Tencent กล่าวระหว่างการประชุมหลังประกาศผลประกอบการว่า

“เรายังไม่มีคำตอบที่ชัดเจนต่อสถานการณ์การนำเข้า เนื่องจากยังมีการหารือระหว่างรัฐบาลทั้งสองฝ่าย เรากำลังรอดูว่าผลสรุปจะออกมาเป็นอย่างไร”

ความไม่แน่นอนนี้เกิดขึ้นท่ามกลางความตึงเครียดด้านการค้าชิปเซมิคอนดักเตอร์ขั้นสูงระหว่างจีนและสหรัฐฯ โดยเฉพาะชิป Nvidia H20 ที่ออกแบบมาเพื่อจำหน่ายในตลาดจีน และตกเป็นประเด็นตรวจสอบจากทั้งสองรัฐบาลในประเด็นด้านความมั่นคง อย่างไรก็ดี Lau ย้ำว่าปัญหาดังกล่าวจะไม่จำกัดแผนการด้าน AI ของ Tencent เพราะบริษัทยังมีทางเลือกหลากหลายในการปรับใช้บริการ AI

ด้านผลประกอบการ ไตรมาส 2 ของ Tencent เติบโตอย่างแข็งแกร่ง โดยมีรายได้เพิ่มขึ้น 15% แตะ 184.5 พันล้านหยวน (25.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 178.5 พันล้านหยวน ตามข้อมูลจาก LSEG

ธุรกิจเกมยังคงเป็นหัวใจหลักในการเติบโต รายได้จากตลาดในประเทศเพิ่มขึ้น 17% เป็น 40.4 พันล้านหยวน ส่วนตลาดต่างประเทศพุ่งขึ้น 35% เป็น 18.8 พันล้านหยวน ขณะที่รายได้จากบริการโฆษณาเพิ่มขึ้น 20% เป็น 35.8 พันล้านหยวน ได้แรงหนุนจากการใช้ AI เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการกำหนดเป้าหมายการโฆษณา

กำไรสุทธิไตรมาสนี้อยู่ที่ 55.6 พันล้านหยวน สูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ 52.3 พันล้านหยวน โดยตลอด 2 ปีที่ผ่านมา Tencent ได้เร่งลงทุนด้าน AI อย่างต่อเนื่อง แต่มีการปรับลดค่าใช้จ่ายด้านเงินลงทุน (Capex) ลงในปีนี้ จาก 36.6 พันล้านหยวนในไตรมาส 4 ปี 2567 เหลือ 27.5 พันล้านหยวนในไตรมาสแรก และลดลงต่อเนื่องเหลือ 19.1 พันล้านหยวนในไตรมาส 2

Lau ระบุว่าบริษัทจะใช้แนวทางการลงทุนที่ “ระมัดระวังและคุ้มค่า” มากขึ้น โดยมุ่งเน้นการสร้างรายได้อย่างยั่งยืนจากโครงการ AI ในระยะยาว ท่ามกลางสภาพแวดล้อมการแข่งขันที่รุนแรงและความไม่แน่นอนด้านภูมิรัฐศาสตร์

Source: Reuters