เมื่อเดือนที่ผ่านมา Alphabet บริษัทแม่ของ Google ได้ปรับเพิ่มแผนการใช้จ่ายเงินลงทุนประจำปี (Capital Spending) จากเดิม 75,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เป็น 85,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และส่งสัญญาณว่าจะมีการลงทุนเพิ่มเติมอีกในปีหน้า โดยงบดังกล่าวมุ่งเน้นไปที่การเสริมสร้างโครงสร้างพื้นฐานด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI) เพื่อรองรับการแข่งขันที่รุนแรงกับคู่แข่งรายใหญ่ รวมถึงบริษัทจากจีน และเพื่อลดแรงกดดันจากนักลงทุนที่เริ่มกังวลเรื่องผลตอบแทนจาก AI ที่ช้ากว่าที่คาด

ผู้บริหารของ Alphabet และบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีอื่น ๆ ยืนยันว่าการลงทุนขนาดใหญ่ใน AI เป็นสิ่งจำเป็นเพื่อกระตุ้นการเติบโต และยกระดับผลิตภัณฑ์ในยุคที่ AI กลายเป็นปัจจัยแข่งขันหลักในตลาดโลก

นอกจากการลงทุนด้านเทคโนโลยีแล้ว Google ยังได้ประกาศโครงการลงทุน 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อสนับสนุนการศึกษาและการฝึกอบรมด้าน AI ให้กับสถาบันอุดมศึกษาและองค์กรไม่แสวงหากำไรในสหรัฐฯ โดยปัจจุบันมีมหาวิทยาลัยมากกว่า 100 แห่ง เข้าร่วมโครงการ รวมถึงระบบมหาวิทยาลัยขนาดใหญ่ เช่น Texas A&M University และ University of North Carolina

ขณะเดียวกัน การผลักดันนโยบาย Onshoring ของประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ ได้เร่งให้บริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ เช่น Micron, Nvidia และ CoreWeave ลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน AI ภายในประเทศมากขึ้น เพื่อสร้างความมั่นคงด้านซัพพลายเชนและลดการพึ่งพาต่างประเทศ

ในฝั่งของคู่แข่ง ล่าสุด Apple ก็ประกาศแผนการลงทุนในสหรัฐฯ มูลค่าสูงถึง 600,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อพัฒนาเทคโนโลยีและโครงสร้างพื้นฐานขั้นสูง ซึ่งคาดว่าจะเป็นอีกแรงกระตุ้นการแข่งขันด้าน AI และนวัตกรรมในตลาดอเมริกันอย่างดุเดือดในปีต่อ ๆ ไป