บริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ NVIDIA ได้สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ในตลาดการเงินโลก ด้วยการก้าวขึ้นเป็น บริษัทแรกของโลกที่มีมูลค่าตลาดทะลุ 5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ จากแรงหนุนของกระแสการลงทุนด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI) ที่ร้อนแรงทั่วโลก ซึ่งทำให้ NVIDIA กลายเป็นหัวใจสำคัญของอุตสาหกรรม AI สมัยใหม่ และส่งให้ซีอีโอ เจนสัน หวง (Jensen Huang) กลายเป็นบุคคลไอคอนแห่งซิลิคอนวัลเลย์

ความสำเร็จนี้เกิดขึ้นเพียงสามเดือนหลังจากที่บริษัทเพิ่งผ่านหลัก 4 ล้านล้านดอลลาร์ ถือเป็นการเติบโตอย่างรวดเร็วเกินคาด และมีมูลค่ามากกว่าตลาดคริปโตทั้งหมดรวมกัน รวมถึงเกือบครึ่งหนึ่งของมูลค่าตลาดหุ้นยุโรปทั้งหมด (ดัชนี Stoxx 600)

นับตั้งแต่ ChatGPT เปิดตัวในปี 2022 ราคาหุ้นของ NVIDIA พุ่งขึ้นกว่า 12 เท่า ทำให้บริษัทกลายเป็นผู้นำใน “ยุคทองของ AI” และกลายเป็นหนึ่งในแรงผลักดันสำคัญที่ดันดัชนี S&P 500 ของสหรัฐฯ ขึ้นสู่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ขณะที่นักลงทุนบางส่วนเริ่มตั้งคำถามว่า การพุ่งขึ้นของหุ้นเทคโนโลยีครั้งนี้อาจกลายเป็น “ฟองสบู่ลูกใหม่” หรือไม่

แมตต์ บริตซ์แมน นักวิเคราะห์จาก Hargreaves Lansdown กล่าวว่า “การที่ NVIDIA ทะลุมูลค่าตลาด 5 ล้านล้านดอลลาร์ ไม่ได้เป็นเพียงแค่เหตุการณ์ทางตัวเลข แต่มันคือสัญลักษณ์ของการเปลี่ยนสถานะจากผู้ผลิตชิป สู่การเป็น ‘ผู้สร้างอุตสาหกรรมใหม่’ อย่างแท้จริง”

หุ้น NVIDIA ปรับตัวขึ้นกว่า 4.6% หลังการประกาศยอดสั่งซื้อชิป AI มูลค่ากว่า 500,000 ล้านดอลลาร์ และแผนสร้าง “ซูเปอร์คอมพิวเตอร์” ให้รัฐบาลสหรัฐฯ ถึง 7 เครื่อง นอกจากนี้ ยังมีรายงานว่าประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ เตรียมหารือกับ สี จิ้นผิง เกี่ยวกับการส่งออกชิประดับสูงรุ่น Blackwell ซึ่งกลายเป็นประเด็นขัดแย้งสำคัญระหว่างสองมหาอำนาจ

ณ ราคาหุ้นปัจจุบัน มูลค่าหุ้นส่วนตัวของเจนสัน หวง อยู่ที่ประมาณ 179,000 ล้านดอลลาร์ ทำให้เขากลายเป็นบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดอันดับ 8 ของโลกตามการจัดอันดับของ Forbes หวงเกิดที่ไต้หวันและย้ายมาอยู่สหรัฐฯ ตั้งแต่อายุ 9 ขวบ เขาเป็นผู้ก่อตั้ง NVIDIA ในปี 1993 และเป็นผู้นำการพัฒนาโปรเซสเซอร์ H100 และ Blackwell ซึ่งเป็นหัวใจหลักของโมเดลภาษาขนาดใหญ่ (LLMs) ที่ใช้ใน ChatGPT และระบบ AI ระดับโลกหลายราย

ขณะเดียวกัน Apple และ Microsoft ต่างก็มีมูลค่าตลาดทะลุ 4 ล้านล้านดอลลาร์เช่นกัน แต่ NVIDIA ยังคงทิ้งห่างบริษัทเทคโนโลยีรายอื่นอย่างเห็นได้ชัด โดยนักวิเคราะห์ชี้ว่าความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่อการใช้จ่ายด้าน AI ที่ไม่มีทีท่าจะชะลอตัว คือแรงผลักดันหลักเบื้องหลังการเติบโต อย่างไรก็ตาม บางฝ่ายเตือนว่ามูลค่าหุ้นอาจเริ่ม “ร้อนแรงเกินจริง”

ด้านนักวิเคราะห์จาก Tuttle Capital Management เตือนว่า “ตอนนี้การขยายตัวของ AI ยังขึ้นอยู่กับไม่กี่บริษัทใหญ่ที่พึ่งพากันเอง หากนักลงทุนเริ่มเรียกร้องผลตอบแทนที่แท้จริงมากกว่าคำประกาศลงทุนใหม่ ๆ วงจรนี้อาจสะดุดได้ทุกเมื่อ”

ในอีกมุมหนึ่ง ความสำเร็จของ NVIDIA ยังทำให้บริษัทตกอยู่ในศูนย์กลางของสมรภูมิทางภูมิรัฐศาสตร์ สหรัฐฯ ใช้ข้อจำกัดการส่งออกชิปขั้นสูงเพื่อจำกัดการเข้าถึงเทคโนโลยี AI ของจีน ทำให้ NVIDIA กลายเป็น “หมากตัวสำคัญ” ในเกมการเมืองโลก เจนสัน หวง กล่าวระหว่างงานประชุมพัฒนาผลิตภัณฑ์ว่า “หากตัดจีนออกจากระบบนิเวศของ NVIDIA สหรัฐฯ ก็จะสูญเสียโอกาสในการเข้าถึงนักพัฒนา AI ครึ่งหนึ่งของโลก”

แม้จะมีคู่แข่งอย่าง AMD และบริษัทสตาร์ทอัพด้านชิป AI หลายรายพยายามท้าทาย แต่ NVIDIA ยังคงเป็น “ราชาแห่งวงการ AI” ที่มีอิทธิพลสูงสุดในโลก และมูลค่าตลาด 5 ล้านล้านดอลลาร์ในวันนี้ คือหลักฐานที่ชัดเจนที่สุดว่า NVIDIA ไม่ได้เป็นเพียงผู้เล่นในอุตสาหกรรมเทคโนโลยี — แต่เป็นผู้กำหนดอนาคตของมัน