ในยุคที่ภัยไซเบอร์กลายเป็นหนึ่งในความเสี่ยงใกล้ตัวของคนไทยทุกเพศทุกวัย ตัวเลขจากรายงานภัยคุกคามออนไลน์ปี 2567 ระบุว่ามีประชาชนกว่า 36 ล้านคนที่ได้รับผลกระทบ และกว่า 18 ล้านคนกลายเป็นผู้เสียหายโดยตรง กลุ่มที่มักตกเป็นเป้าหมายมากที่สุดคือผู้สูงอายุและคนพิการ ซึ่งมิจฉาชีพใช้ช่องโหว่จากความไม่คุ้นเคยกับเทคโนโลยีเข้ามาหลอกลวงจนสูญเสียเงินและความเชื่อมั่นในชีวิตประจำวัน ความจริงที่เกิดขึ้นนี้สะท้อนถึงความจำเป็นที่สังคมไทยต้องการเครื่องมือที่ใช้งานง่าย เข้าถึงได้จริง และสามารถป้องกันภัยไซเบอร์ในเชิงรุกได้

ท่ามกลางสถานการณ์ดังกล่าว ความร่วมมือระหว่าง แอปพลิเคชัน Whoscall และ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ถือเป็นก้าวสำคัญที่มุ่งยกระดับการปกป้องคนไทยจากมิจฉาชีพ โดยไม่จำกัดเฉพาะผู้ใช้สมาร์ตโฟนทั่วไป แต่ตั้งเป้าให้ “ทุกกลุ่มประชากร” โดยเฉพาะผู้ที่อยู่ในสถานะเปราะบางสามารถมีเกราะดิจิทัลป้องกันตัวเองได้ ความร่วมมือครั้งนี้มีทั้งการเปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ “Voice Alert” ที่ใช้เสียงของหนุ่ม กรรชัยมาแจ้งเตือนเมื่อมีสายต้องสงสัยโทรเข้า เพื่อกระตุ้นสติและสร้างการตระหนักรู้ในทันที รวมถึงการมอบโค้ด Whoscall Premium ฟรีนาน 1 ปี จำนวนกว่า 2 ล้านโค้ด เพื่อนำไปแจกจ่ายให้กับผู้สูงอายุ คนพิการ และเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานในพื้นที่ทั่วประเทศ

นอกจากภาครัฐแล้ว Whoscall ยังดึงภาคเอกชนรายใหญ่เข้ามามีส่วนร่วมด้วย ไม่ว่าจะเป็น Flash Express, Grab และ Sansiri ซึ่งแต่ละองค์กรต่างเผชิญความท้าทายเรื่องการหลอกลวงในแบบที่แตกต่างกัน Flash Express ต้องรับมือกับ SMS ปลอมที่แอบอ้างเป็นการแจ้งเตือนพัสดุ Grab เผชิญกับการหลอกลวงผู้ใช้งานและคนขับผ่านการโทรศัพท์หรือข้อความหลอกลวง ส่วน Sansiri ในฐานะผู้พัฒนาโครงการที่อยู่อาศัย ต้องการสร้างคอมมูนิตี้ที่ปลอดภัยทั้งในชีวิตจริงและบนโลกดิจิทัล การผนึกกำลังเช่นนี้ทำให้การป้องกันภัยไม่ได้เป็นเพียงความรับผิดชอบของแอปพลิเคชัน แต่กลายเป็นความร่วมมือเชิงระบบที่ครอบคลุมทั้งสังคม

กระทรวง พม. ยังวางแผนเดินสาย Roadshow ใน 5 จังหวัดหลัก ได้แก่ สุพรรณบุรี เชียงใหม่ ขอนแก่น ชลบุรี และสงขลา เพื่อถ่ายทอดความรู้ด้านความปลอดภัยไซเบอร์ให้ประชาชนถึงระดับชุมชน กิจกรรมเหล่านี้ไม่เพียงช่วยสร้างการรับรู้ แต่ยังเปิดโอกาสให้ประชาชน โดยเฉพาะผู้ที่ไม่คุ้นชินกับเทคโนโลยี ได้มีโอกาสฝึกใช้เครื่องมือจริงและเข้าใจวิธีป้องกันภัยได้ด้วยตนเอง

สิ่งที่น่าสนใจคือ Whoscall ไม่ได้วางตัวเองแค่ในฐานะแอปพลิเคชันกรองสายเรียกเข้าอีกต่อไป แต่กำลังเปลี่ยนเป็น “เกราะดิจิทัล” ของสังคมไทย ผ่านการทำงานร่วมกับรัฐ เอกชน และชุมชนในทุกระดับ โดยหวังว่าสิ่งเหล่านี้จะสร้างความมั่นใจใหม่ให้ประชาชน และลดความสูญเสียที่เกิดขึ้นจากมิจฉาชีพในโลกออนไลน์ที่ซับซ้อนมากขึ้นทุกวัน

ในท้ายที่สุด ความร่วมมือครั้งนี้สะท้อนให้เห็นว่า “การป้องกันภัยดิจิทัล” ไม่ใช่เรื่องของใครคนใดคนหนึ่ง แต่ต้องอาศัยการเชื่อมโยงกันระหว่างนโยบายรัฐ เทคโนโลยีที่ทันสมัย และความร่วมมือจากภาคธุรกิจและประชาชน เมื่อทุกฝ่ายเดินไปในทิศทางเดียวกัน ประเทศไทยก็จะมีภูมิคุ้มกันที่แข็งแรงขึ้น ทั้งในโลกจริงและโลกออนไลน์ พร้อมสร้างสังคมที่ปลอดภัยและน่าเชื่อถืออย่างยั่งยืน