อินโดนีเซียได้ตัดสินใจยกเลิกคำสั่งห้ามจำหน่าย iPhone 16 หลังจากบรรลุข้อตกลงกับ Apple ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นภายหลังจากการเจรจายืดเยื้อนานหลายเดือน เนื่องจากบริษัทเทคโนโลยีสัญชาติอเมริกันไม่สามารถปฏิบัติตามข้อกำหนดของรัฐบาลอินโดนีเซียเกี่ยวกับสัดส่วนของชิ้นส่วนที่ผลิตภายในประเทศได้

ย้อนกลับไปเมื่อปลายปี 2024 อินโดนีเซียได้ประกาศระงับการขาย iPhone 16 ทั่วประเทศ เนื่องจาก Apple ไม่สามารถปฏิบัติตามกฎระเบียบที่กำหนดให้สมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตที่จำหน่ายในประเทศต้องมีชิ้นส่วนที่ผลิตในประเทศอย่างน้อย 40% ข้อกำหนดนี้เป็นส่วนหนึ่งของนโยบายส่งเสริมอุตสาหกรรมภายในประเทศของอินโดนีเซีย ซึ่งมีเป้าหมายในการเพิ่มการจ้างงานและพัฒนาห่วงโซ่อุปทานด้านเทคโนโลยีในประเทศ

หลังจากการเจรจาหลายรอบ ในที่สุด Apple ได้เสนอแผนการลงทุนมูลค่า 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพื่อจัดตั้งโรงงานแห่งแรกในอินโดนีเซีย ซึ่งจะทำหน้าที่ผลิตชิ้นส่วนสำคัญสำหรับอุปกรณ์ของ Apple ไม่เพียงแต่ iPhone แต่ยังรวมถึงผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ด้วย นับเป็นการลงทุนที่ใหญ่ที่สุดของบริษัทในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และเป็นก้าวสำคัญที่ช่วยให้บริษัทกลับมาแข่งขันในตลาดอินโดนีเซียได้อีกครั้ง

ก่อนหน้านี้ Apple ได้เสนอการลงทุนมูลค่า 100 ล้านดอลลาร์ แต่ถูกปฏิเสธโดยรัฐบาลอินโดนีเซีย เนื่องจากมองว่าเป็นจำนวนเงินที่ไม่เพียงพอสำหรับการอนุมัติให้ขายสมาร์ทโฟนของบริษัทในประเทศ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงท่าทีที่จริงจังของรัฐบาลอินโดนีเซียในการบังคับใช้กฎหมายเพื่อสนับสนุนอุตสาหกรรมท้องถิ่น

ขณะนี้ Apple กำลังอยู่ในกระบวนการขอใบรับรองเนื้อหาในประเทศ (local content certificate) ซึ่งเป็นเอกสารที่จำเป็นสำหรับการทำตลาดและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ในอินโดนีเซีย ซึ่งคาดว่าหลังจากได้รับใบรับรองนี้ iPhone 16 จะสามารถกลับมาวางจำหน่ายในประเทศได้ตามปกติ

ความเคลื่อนไหวครั้งนี้สะท้อนให้เห็นถึงแนวโน้มที่ Apple กำลังพยายามกระจายฐานการผลิตออกจากจีนเพื่อลดความเสี่ยงทางการค้าและภูมิรัฐศาสตร์ ซึ่งในปัจจุบัน iPhone 16 ถูกผลิตในหลายประเทศ เช่น บราซิล อินเดีย และจีน ในขณะที่อุปกรณ์ AirPods หลายรุ่นถูกประกอบในเวียดนาม โดยบริษัทกำลังขยายโรงงานผลิตไปยังภูมิภาคอื่น ๆ อย่างต่อเนื่อง

Apple ไม่ใช่บริษัทเดียวที่ต้องเผชิญกับข้อกำหนดด้านชิ้นส่วนภายในประเทศของอินโดนีเซีย ก่อนหน้านี้ Google Pixel ก็ถูกห้ามจำหน่ายในประเทศตั้งแต่เดือนตุลาคมปีที่แล้ว เนื่องจากไม่ผ่านข้อกำหนดดังกล่าว ทำให้เห็นได้ว่ารัฐบาลอินโดนีเซียกำลังดำเนินมาตรการควบคุมอย่างเข้มงวด เพื่อให้แน่ใจว่าแบรนด์เทคโนโลยีต่างชาติที่ต้องการทำธุรกิจในประเทศจะต้องมีส่วนร่วมในการพัฒนาอุตสาหกรรมท้องถิ่น

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา อินโดนีเซียได้กลายเป็นตลาดที่มีความสำคัญมากขึ้นสำหรับแบรนด์สมาร์ทโฟนระดับโลก จากรายงานล่าสุด พบว่า Oppo, Xiaomi, Transsion, Samsung และ Vivo เป็นแบรนด์ที่ครองตลาดอินโดนีเซียในไตรมาสที่ 3 ของปี 2024 โดยทั้งหมดสามารถปฏิบัติตามกฎระเบียบของรัฐบาลได้ ทำให้ Apple ต้องเร่งปรับกลยุทธ์เพื่อตีตลาดกลับคืนมา

นอกเหนือจากความเคลื่อนไหวในอินโดนีเซีย Apple ยังได้ประกาศแผนการลงทุนมูลค่า 500 พันล้านดอลลาร์ ภายในสี่ปีข้างหน้าในสหรัฐอเมริกา โดยเน้นไปที่การผลิตชิปสำหรับปัญญาประดิษฐ์ (AI), วิศวกรรม และการศึกษา ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ระยะยาวของบริษัทในการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ ๆ และลดการพึ่งพาแหล่งผลิตภายนอก

การปลดแบน iPhone 16 ในอินโดนีเซียถือเป็นชัยชนะครั้งสำคัญของ Apple ในการกลับเข้าตลาดที่มีศักยภาพสูงและกำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตาม บริษัทยังต้องเผชิญกับความท้าทายอีกมาก ทั้งในแง่ของการแข่งขันกับแบรนด์ท้องถิ่นและการปฏิบัติตามข้อกำหนดของรัฐบาลอินโดนีเซียเพื่อให้สามารถดำเนินธุรกิจได้อย่างราบรื่นในระยะยาว