มีข่าวลือใหม่ออกมาจากแหล่งข่าวในประเทศจีนเกี่ยวกับการอัพเกรดเทคโนโลยีระบายความร้อนใน iPhone 17 รุ่นใหม่ของ Apple ซึ่งได้สร้างความสนใจอย่างมากในวงการสมาร์ตโฟน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อได้ยินว่าการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้อาจจะเป็นการเปิดตัวเทคโนโลยีใหม่ที่ Apple จะนำมาใช้ในโทรศัพท์ของตน เพื่อลดปัญหาความร้อนสะสมและการลดประสิทธิภาพของชิปเซ็ตในระหว่างการใช้งานหนัก

ย้อนกลับไปในช่วงเดือนมกราคมที่ผ่านมา ข่าวลือได้ระบุว่า Apple อาจจะย้ายไปใช้เทคโนโลยี Vapor Chamber แทนการใช้ Heat Sink ที่ใช้มาอย่างยาวนานในรุ่นก่อนหน้า ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ค่าย Android หลายค่ายใช้งานมานานแล้ว โดยการใช้ Vapor Chamber จะช่วยกระจายความร้อนได้ดีกว่า Heat Sink ทำให้ความร้อนในเครื่องสามารถระบายออกได้เร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น ช่วยให้ชิปเซ็ตในเครื่องทำงานได้เต็มประสิทธิภาพตลอดเวลาโดยไม่ต้องประสบกับปัญหาการลดความเร็ว (Throttling) เมื่อเครื่องมีความร้อนสูง

อย่างไรก็ตาม รายงานล่าสุดที่มาจากแหล่งข่าวเดียวกันกับที่เปิดเผยข่าวลือครั้งแรก ได้ชี้ให้เห็นว่าในความเป็นจริงแล้ว Apple จะใช้ Vapor Chamber เพียงในสองรุ่นหลักของ iPhone 17 เท่านั้น ซึ่งก็คือ iPhone 17 Pro และ iPhone 17 Pro Max ในขณะที่ iPhone 17 รุ่นปกติจะยังคงใช้เทคโนโลยีระบายความร้อนแบบเดิม (Heat Sink) ซึ่งเป็นการตัดสินใจที่น่าสนใจและยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่าทำไม Apple ถึงเลือกที่จะใช้ Vapor Chamber ในเฉพาะรุ่น Pro และ Pro Max เท่านั้น

Vapor Chamber เป็นเทคโนโลยีที่ออกแบบมาเพื่อให้กระจายความร้อนที่เกิดขึ้นจากชิปเซ็ตและส่วนประกอบอื่นๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยการกระจายความร้อนที่ดีกว่าแบบ Heat Sink ทำให้เครื่องไม่เกิดปัญหาความร้อนสะสมที่อาจทำให้ประสิทธิภาพของเครื่องลดลง หรือเกิดการชะลอการทำงานของเครื่อง (Throttling) ซึ่งเป็นปัญหาที่ผู้ใช้หลายคนพบในสมาร์ตโฟนที่มีการใช้งานหนักอย่างการเล่นเกม หรือการถ่ายวิดีโอ 4K ต่อเนื่อง

นอกจากนี้ รายงานยังกล่าวถึงชิปเซ็ต A19 Pro ที่ Apple จะใช้ใน iPhone 17 Pro และ Pro Max ซึ่งมาพร้อมกับการปรับปรุงระบบการจัดการความร้อนที่ดีกว่าเดิม ซึ่งเมื่อรวมกับการใช้ Vapor Chamber ระบบระบายความร้อนใน iPhone 17 Pro และ Pro Max จะทำให้ชิปเซ็ตทำงานได้เต็มประสิทธิภาพตลอดเวลาโดยไม่ต้องเผชิญกับปัญหาการลดความเร็วเพราะความร้อนสูงเหมือนในรุ่นก่อนๆ ซึ่งจะช่วยให้ผู้ใช้สามารถใช้งานเครื่องได้ยาวนานและราบรื่นมากยิ่งขึ้น

ในด้านของผู้ใช้ iPhone 17 รุ่นปกติที่ไม่ได้มีเทคโนโลยี Vapor Chamber นั้น อาจจะยังคงเผชิญกับปัญหาการระบายความร้อนที่ไม่ดีเท่ารุ่น Pro ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดการลดความเร็วของเครื่องในบางสถานการณ์ แต่การใช้ Heat Sink ในรุ่นนี้ก็ยังคงสามารถรองรับการใช้งานทั่วไปได้อย่างมีประสิทธิภาพเช่นเดิม

แม้ว่าจะยังไม่มีการยืนยันจาก Apple โดยตรงเกี่ยวกับข่าวลือเหล่านี้ แต่ก็ถือเป็นข้อมูลที่น่าสนใจและน่าติดตามอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่รอคอยการเปิดตัวของ iPhone 17 ซึ่งคาดว่าจะมีการอัพเกรดทั้งในเรื่องของดีไซน์และฟีเจอร์ใหม่ๆ โดยเฉพาะในรุ่น Pro และ Pro Max ที่จะมีเทคโนโลยีการระบายความร้อนที่ดีที่สุดใน iPhone 17 ซีรีส์นี้