ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา เซี่ยงไฮ้ประสบกับสภาพอากาศที่อบอุ่นผิดปกติ ทำให้ผู้คนในเมืองใหญ่ที่มีประชากรเกือบ 25 ล้านคนได้สัมผัสกับคลื่นความร้อนที่ไม่คาดคิด โดยอุณหภูมิในช่วงต้นเดือนมีนาคมนี้สูงสุดเป็นประวัติการณ์ในรอบกว่า 150 ปี สำหรับเซี่ยงไฮ้ ซึ่งก่อนหน้านี้ได้บันทึกสถิติเป็นปีที่ร้อนที่สุดในประวัติศาสตร์จีนเมื่อปีที่แล้ว ตั้งแต่การเริ่มบันทึกสถิติในระดับประเทศเมื่อ 60 ปีที่แล้ว

รายงานจาก Global Times ระบุว่าอุณหภูมิในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาในเซี่ยงไฮ้ได้พุ่งสูงขึ้นจนถึง 28.5 องศาเซลเซียส (83 ฟาเรนไฮต์) ซึ่งสูงที่สุดในช่วงต้นเดือนมีนาคม โดยความร้อนที่เกิดขึ้นนั้นสร้างความประหลาดใจให้กับชาวเซี่ยงไฮ้เป็นอย่างมาก ถึงแม้จะอยู่ในช่วงเริ่มต้นของฤดูใบไม้ผลิ ผู้คนต่างออกมาสัมผัสแสงแดดด้วยการสวมใส่เสื้อยืดและกางเกงขาสั้น บางคนก็ใช้เวลาพักผ่อนท่ามกลางอากาศที่อุ่นขึ้นด้วยการเดินเล่นในสวนสาธารณะ หรือทานไอศกรีมเย็นๆ ท่ามกลางแดดร้อน

อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ไม่เพียงแต่สะท้อนถึงคลื่นความร้อนในเซี่ยงไฮ้เท่านั้น แต่ยังเป็นสัญญาณของการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจนในสภาพอากาศของจีน ซึ่งในปีที่ผ่านมานั้นประเทศจีนประสบกับสภาพอากาศที่ไม่คาดคิดมากมาย เช่น ภัยแล้งที่ยาวนาน น้ำท่วมรุนแรง และอุณหภูมิที่สูงขึ้นอย่างผิดปกติ สถานการณ์นี้ยังคงเป็นความท้าทายที่สำคัญสำหรับการพัฒนาที่ยั่งยืนในอนาคต

จากการวิเคราะห์ของนักวิทยาศาสตร์ พบว่าภาวะโลกร้อนและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศได้ส่งผลกระทบต่อสภาพอากาศในหลายๆ พื้นที่ของโลก รวมถึงจีนที่ประสบกับอุณหภูมิที่สูงขึ้นและความแปรปรวนของสภาพอากาศที่คาดเดาได้ยาก ส่งผลให้เกิดอุณหภูมิที่สูงขึ้นในช่วงฤดูหนาวและฤดูใบไม้ผลิ และสถานการณ์นี้อาจทวีความรุนแรงขึ้นในอนาคต

การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในเซี่ยงไฮ้เป็นเพียงตัวอย่างหนึ่งของสภาพอากาศที่แปรปรวนไปทั่วประเทศจีน ซึ่งทำให้ทางการต้องหามาตรการในการรับมือกับสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงและผลกระทบจากภัยพิบัติทางธรรมชาติที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต

ที่มา : cnn