การเดินทางทางอากาศในปัจจุบันไม่ได้เป็นเพียงเรื่องของการบินจากจุดหนึ่งไปยังอีกจุดหนึ่ง แต่ยังเกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการเส้นทางการบินในระดับนานาชาติ โดยเฉพาะเส้นทางจากเอเชียไปยุโรปและอเมริกาเหนือที่มีความหนาแน่นสูง ล่าสุด บริษัท วิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด (บวท.) ตัดสินใจนำระบบ BOBCAT หรือ Bay of Bengal Cooperative Air Traffic Flow Management System กลับมาใช้งานอีกครั้ง ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญเชิงกลยุทธ์ของประเทศไทยในการเป็นตัวกลางจัดระเบียบท้องฟ้า

สิ่งที่น่าสนใจคือ BOBCAT ไม่ได้เป็นเพียงระบบเทคนิคที่จัดคิวการบินเท่านั้น แต่เป็น “เครื่องมือจัดสรรทรัพยากรน่านฟ้า” ในช่วงที่เส้นทางผ่านอัฟกานิสถานมีข้อจำกัด การจัดลำดับเส้นทาง ความสูง และเวลาการบินที่เหมาะสม จึงช่วยให้เที่ยวบินไม่แออัด ลดการวนรอ และที่สำคัญคือช่วยให้สายการบินสามารถควบคุมต้นทุนเชื้อเพลิงได้ดีขึ้น

เมื่อมองในมิติสิ่งแวดล้อม การที่เครื่องบินไม่ต้องบินวนรอบสนามบินหรือรอคิวเข้าช่องทางบิน เป็นการลดการปล่อยคาร์บอนอย่างมีนัยสำคัญ ถือเป็นอีกหนึ่งก้าวที่สอดคล้องกับเป้าหมาย Net Zero ของอุตสาหกรรมการบินโลก ซึ่งปัจจุบันกำลังถูกจับตามองอย่างมาก

นอกจากนี้ การกลับมาใช้ BOBCAT ยังทำให้ไทยมีบทบาทโดดเด่นมากขึ้นในเวทีระหว่างประเทศ เพราะระบบนี้พัฒนาขึ้นโดย บวท. และได้รับการยอมรับจากองค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO) และสมาคมการบินต่าง ๆ ทั่วโลก ความสำเร็จในการกลับมาใช้งานจึงไม่ใช่เพียงประโยชน์ต่อการบิน แต่ยังสะท้อนภาพลักษณ์ด้านความน่าเชื่อถือของไทยในฐานะ “ผู้ดูแลจราจรบนท้องฟ้า”

ผลกระทบในเชิงเศรษฐกิจก็น่าสนใจเช่นกัน เมื่อเส้นทางบินมีประสิทธิภาพมากขึ้น สายการบินจะประหยัดเวลาและเชื้อเพลิง ส่งผลให้ต้นทุนการดำเนินงานลดลง ซึ่งอาจสะท้อนกลับไปสู่ค่าโดยสารที่สมเหตุสมผลขึ้นสำหรับผู้โดยสารในระยะยาว

ดังนั้น การนำ BOBCAT กลับมาใช้ครั้งนี้ไม่เพียงเป็นการแก้ปัญหาความแออัดในเส้นทางบินเอเชีย–ยุโรปเท่านั้น แต่ยังเป็นการแสดงบทบาทเชิงรุกของไทยในอุตสาหกรรมการบินโลก ขณะเดียวกันก็สร้างประโยชน์ด้านเศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม และภาพลักษณ์ประเทศไปพร้อมกัน