หลังจากนายอนุทิน ชาญวีรกูล ได้รับโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 32 ของประเทศไทย เมื่อวันที่ 7 กันยายน 2568 รายชื่อครม.ภายใต้การนำของเขาเริ่มถูกเปิดเผยออกมา โดยมีประเด็นที่น่าสนใจหลายด้านซึ่งสามารถสรุปได้ดังนี้
หนึ่งในรายชื่อที่ถูกจับตามากที่สุดคือ นายสันติ พร้อมพัฒน์ วัย 73 ปี ที่มีเส้นทางการเมืองยาวนานกว่า 3 ทศวรรษ และผ่านตำแหน่งรัฐมนตรีมาแล้วหลายครั้ง คราวนี้เขามีชื่อในตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ถือเป็นนักการเมืองที่คร่ำหวอดและมีประสบการณ์มากที่สุดในครม.ชุดนี้ ขณะเดียวกัน นายอนุทินเองซึ่งก้าวสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ก็ถือว่ามีประสบการณ์ทางการเมืองกว่า 29 ปีเช่นกัน
นอกจากนี้ ยังมีนักการเมืองรุ่นใหม่ที่ก้าวสู่เวทีใหญ่ เช่น นายไชยชนก ชิดชอบ วัยเพียง 36 ปี ลูกชายของนายเนวิน ชิดชอบ ที่ถูกเสนอชื่อเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม เขาถือเป็นรัฐมนตรีอายุน้อยที่สุดในครม.อนุทินและเป็นตัวแทนของคนรุ่นใหม่ที่เข้ามาสานต่อบทบาทการเมืองของตระกูลชิดชอบ
ในแง่ทรัพย์สิน ครม.อนุทินมีผู้นำรัฐบาลที่ร่ำรวยที่สุดอย่างนายอนุทินเอง โดยการแจ้งบัญชีทรัพย์สินต่อ ป.ป.ช. ระบุว่ามีมูลค่ากว่า 4,300 ล้านบาท ครอบคลุมทั้งเงินสด ที่ดิน และสินทรัพย์อื่น ๆ ซึ่งยืนยันถึงความมั่งคั่งของนายกรัฐมนตรีคนล่าสุดของไทย
อีกหนึ่งประเด็นที่น่าจับตามองคือการดึงคนนอกการเมืองเข้ามานั่งเก้าอี้สำคัญในกระทรวงด้านเศรษฐกิจ เช่น นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ ข้าราชการอาวุโสจากกระทรวงการคลังที่ถูกเสนอชื่อเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ อดีตซีอีโอ ปตท. ที่จะมาบริหารกระทรวงพลังงาน และนายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว อดีตปลัดกระทรวงการต่างประเทศที่เตรียมรับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ การแต่งตั้งเช่นนี้สะท้อนถึงความตั้งใจดึงผู้เชี่ยวชาญและมืออาชีพเข้ามามีบทบาทร่วมกับนักการเมืองในครม.
ภาพรวมแล้ว ครม.อนุทินสะท้อนถึงการผสมผสานระหว่างนักการเมืองอาวุโสที่มีประสบการณ์ยาวนาน นักการเมืองรุ่นใหม่ที่มีพลังและแนวคิดทันสมัย และคนนอกที่มีความเชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจและการต่างประเทศ การจัดทัพครั้งนี้จึงน่าจับตาว่าจะสามารถสร้างความสมดุลและตอบโจทย์ความคาดหวังของสังคมไทยได้มากน้อยเพียงใด
ที่มา : thairath