ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา สิ่งที่สะท้อนความสนใจของนักลงทุนทั่วโลกไม่ได้อยู่ที่ข่าวการเมืองหรือการตัดสินใจของผู้นำสหรัฐฯ หากแต่เป็นผลประกอบการไตรมาสล่าสุดของบริษัท Nvidia ผู้ผลิตชิปประมวลผลที่กำลังกลายเป็นศูนย์กลางของยุคปัญญาประดิษฐ์ ความคึกคักที่เกิดขึ้นนั้นเกือบไม่ต่างจากบรรยากาศงานกีฬาระดับโลก เพราะมีนักลงทุนจำนวนไม่น้อยที่ถึงขั้นจัดงานเลี้ยงรอดูการแถลงผลเหมือนกับการชมการแข่งขันซูเปอร์โบวล์
สิ่งที่ทำให้บริษัทนี้กลายเป็นดาวเด่นของตลาดหุ้นคือการเติบโตอย่างรวดเร็ว หากนักลงทุนใส่เงินเพียงหนึ่งพันดอลลาร์ในหุ้น Nvidia เมื่อสองปีก่อน วันนี้จะมีกำไรมากถึงสามพันดอลลาร์ ปัจจุบันราคาหุ้นเพิ่มขึ้นแล้วกว่า 30% ตั้งแต่ต้นปี ขณะที่ดัชนี S&P 500 โตเพียง 10% ความสามารถในการทำผลงานเหนือความคาดหมายของนักวิเคราะห์ต่อเนื่องหลายไตรมาสทำให้ Nvidia ถูกยกย่องว่าเป็นบริษัทที่ไม่เคยทำให้ตลาดผิดหวัง
แต่เบื้องหลังความสำเร็จก็มีคำถามตามมาอย่างไม่ขาดสาย เพราะมูลค่าตลาดของ Nvidia ทะยานขึ้นไปถึงสี่ล้านล้านดอลลาร์ กลายเป็นบริษัทมหาชนที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์โลก ขนาดเพียงบริษัทเดียวคิดเป็นสัดส่วนถึง 8% ของดัชนี S&P 500 และมากกว่า 3% ของจีดีพีโลก ขณะเดียวกัน รายได้กว่าครึ่งของบริษัทกลับพึ่งพาเพียงลูกค้าสามรายเท่านั้น ทำให้หลายฝ่ายมองว่าความใหญ่โตนี้อาจเป็นทั้งจุดแข็งและจุดอ่อนไปพร้อมกัน
ที่ทำให้ Nvidia ทรงพลังอย่างแท้จริงคือการเป็นหัวใจหลักของอุตสาหกรรมปัญญาประดิษฐ์ ไม่ว่าจะเป็น ChatGPT ของ OpenAI, Claude ของ Anthropic หรือ Gemini ของ Google ต่างต้องใช้ชิปของบริษัทนี้ในการประมวลผล ส่งผลให้ Nvidia แทบครองตลาดแต่เพียงผู้เดียวและสามารถทำกำไรในระดับสูงลิ่ว อย่างไรก็ตาม สิ่งที่นักลงทุนเริ่มกังวลคือ หากเทคโนโลยี AI ไม่สามารถสร้างผลลัพธ์ที่เปลี่ยนโลกธุรกิจได้จริง ความต้องการใช้ชิปสมรรถนะสูงอาจไม่เติบโตอย่างที่คาดหวังไว้ และหากกระแสนี้เป็นเพียงความตื่นทองชั่วคราว การที่ Nvidia ทำหน้าที่เป็น “ผู้ขายพลั่วและเสียม” ก็อาจกลายเป็นปัญหาใหญ่ในอนาคต
ข้อมูลเศรษฐกิจล่าสุดยังสะท้อนความเสี่ยงในอีกมุมหนึ่ง เมื่อมีการประเมินว่าการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐาน AI ของบริษัทยักษ์ใหญ่สหรัฐฯ มีส่วนช่วยจีดีพีมากกว่าการใช้จ่ายของผู้บริโภค ทั้งที่การใช้จ่ายภาคครัวเรือนเป็นเครื่องยนต์หลักของเศรษฐกิจสหรัฐฯ คิดเป็นกว่า 70% ของผลผลิตรวมทั้งหมด การทุ่มเงินลงทุนมหาศาลเช่นนี้สร้างความตื่นเต้น แต่ก็ทำให้นักวิเคราะห์หลายรายกังวลว่าอาจเป็นการสร้างฟองสบู่ที่พร้อมจะแตกหาก AI ไม่สามารถพิสูจน์คุณค่าทางเศรษฐกิจที่แท้จริงได้
เมื่อมองไปข้างหน้า Nvidia ยังคงเป็นสัญลักษณ์ของความยิ่งใหญ่แห่งยุค AI ทั้งในฐานะโอกาสที่สร้างผลตอบแทนเหนือคาดหมาย และในฐานะตัวแทนความเสี่ยงหากกระแส AI ไม่ได้เปลี่ยนโลกตามที่สัญญาไว้ อนาคตของบริษัทจึงไม่ได้ขึ้นอยู่แค่การขายชิปประมวลผล แต่ยังพัวพันกับอนาคตของทั้งอุตสาหกรรมว่าเงินลงทุนระดับหลายล้านล้านดอลลาร์นั้นจะก่อให้เกิดการเติบโตที่ยั่งยืนจริงหรือไม่
ที่มา : cnn