สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า เมื่อวันที่ 13 กันยายนที่ผ่านมา กลุ่มสื่อยักษ์ใหญ่ Penske Media เจ้าของนิตยสาร Rolling Stone, Billboard และ Variety ได้ยื่นฟ้องบริษัท Google ต่อศาลรัฐบาลกลางกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. โดยกล่าวหาว่า ฟีเจอร์สรุปข่าวด้วย AI ของกูเกิลนำเนื้อหาจากสื่อของตนไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต และยังส่งผลให้จำนวนผู้เข้าชมเว็บไซต์ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ

นี่ถือเป็นครั้งแรกที่สำนักพิมพ์รายใหญ่ในสหรัฐฯ ตัดสินใจดำเนินคดีกับกูเกิล กรณีฟีเจอร์ AI Overviews ซึ่งจะแสดงสรุปเนื้อหาโดยตรงในผลการค้นหา ทำให้ผู้ใช้งานไม่จำเป็นต้องคลิกเข้าไปอ่านข่าวต้นทาง สื่อหลายแห่งมองว่าเป็นการดูดซับทราฟฟิกไปจากเว็บไซต์ ส่งผลต่อรายได้จากโฆษณาและสมาชิก

เจย์ เพนสเก ประธานและผู้ก่อตั้งบริษัท ระบุว่า กูเกิลใช้ตำแหน่งผู้นำในตลาดเสิร์ชที่ครองส่วนแบ่งเกือบ 90% ในสหรัฐฯ เป็นเครื่องมือบีบบังคับ หากสื่อใดต้องการให้เว็บไซต์ของตนปรากฏบน Google Search ก็ต้องยอมให้เนื้อหาถูกนำไปใช้ใน AI Summaries ด้วย ซึ่งเท่ากับไม่เปิดทางให้สื่อเจรจาต่อรองเรื่องค่าลิขสิทธิ์

ตามคำฟ้อง Penske อ้างว่า ปัจจุบันมีการค้นหาบนกูเกิลกว่า 20% ที่แสดงผลลัพธ์แบบ AI Overview เชื่อมโยงกับเว็บไซต์ในเครือ และจากการเปลี่ยนแปลงนี้ทำให้รายได้จากระบบพันธมิตร (affiliate) ลดลงกว่าหนึ่งในสามเมื่อเทียบกับช่วงพีคในปี 2024

กรณีนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่กูเกิลถูกสื่อหรือธุรกิจออนไลน์ฟ้องร้อง ก่อนหน้านี้บริษัทการศึกษาออนไลน์ Chegg ก็ยื่นฟ้องด้วยเหตุผลเดียวกันว่า AI สรุปเนื้อหาทำให้ความต้องการเข้าถึงข้อมูลต้นฉบับลดลง และกระทบความสามารถในการแข่งขัน

ด้านกูเกิลออกแถลงโต้ว่า AI Overviews ช่วยให้ผู้ใช้ได้รับประสบการณ์ค้นหาที่ดีขึ้น และยังสร้างโอกาสให้เว็บไซต์อื่น ๆ ได้รับการค้นพบมากขึ้น โดยยืนยันจะต่อสู้ในศาล พร้อมปฏิเสธข้อกล่าวหาว่าเป็นการเอาเปรียบหรือกีดกันการแข่งขัน

อย่างไรก็ดี สมาพันธ์สื่อสหรัฐฯ อย่าง News/Media Alliance เห็นต่าง โดยระบุว่ากูเกิลใช้ขนาดและอำนาจทางการตลาดของตนหลีกเลี่ยงการทำข้อตกลงด้านลิขสิทธิ์แบบที่บริษัท AI รายอื่น เช่น OpenAI ทำร่วมกับสำนักพิมพ์ใหญ่ อาทิ News Corp, Financial Times และ The Atlantic ซึ่งตอกย้ำปัญหาว่าสื่อจำนวนมากไม่มีช่องทางที่จะปฏิเสธการถูกนำไปใช้งานในระบบของกูเกิลได้

ที่มา reuters