กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) เดินหน้าปรับตัวสู่ยุคดิจิทัลเต็มรูปแบบ เปิดช่องทางใหม่ให้ผู้กู้ยืมสามารถยืนยันตัวตนและลงนามอิเล็กทรอนิกส์ผ่านแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” เพื่อใช้ในการทำสัญญาปรับโครงสร้างหนี้ออนไลน์ ถือเป็นอีกก้าวสำคัญในการลดขั้นตอน ลดค่าใช้จ่าย และขยายโอกาสให้ผู้กู้ยืมเข้าถึงระบบได้ง่ายขึ้น

ดร.นันทวัน วงศ์ขจรกิตติ ผู้จัดการกองทุนฯ ระบุว่า ปัจจุบันมีผู้กู้ยืมจำนวนมากที่ต้องการปรับโครงสร้างหนี้ แต่เดิมต้องเดินทางไปติดต่อด้วยเอกสาร กยศ. จึงได้พัฒนาระบบออนไลน์ที่ผู้กู้ยืมสามารถจัดการเองได้ทุกขั้นตอนผ่านเว็บไซต์ www.studentloan.or.th โดยล่าสุดได้เพิ่ม “เป๋าตัง” เป็นอีกหนึ่งช่องทางในการยืนยันตัวตนควบคู่กับแอป ThaID เพื่อรองรับกลุ่มผู้กู้ยืมที่คุ้นเคยกับแพลตฟอร์มนี้อยู่แล้ว

ที่ผ่านมา มีผู้กู้ยืมกว่า 703,000 บัญชี เข้าสู่กระบวนการปรับโครงสร้างหนี้ ทั้งในรูปแบบเอกสารและระบบออนไลน์ เมื่อทำสัญญาเรียบร้อย กยศ. จะ ยกเลิกภาระผู้ค้ำประกันทันที และเปิดทางให้ผู้กู้สามารถผ่อนชำระหนี้แบบรายเดือนในอัตราที่เท่ากันทุกงวดภายในวันที่ 5 ของเดือน โดยสามารถขยายเวลาชำระได้สูงสุด 15 ปี และเมื่อสิ้นสุดสัญญา หากชำระหนี้ครบถ้วนตามกำหนด ผู้กู้จะได้รับการ ล้างเบี้ยปรับที่ค้างทั้งหมด 100%

มุมมองที่น่าสนใจ

  1. เพิ่มความยืดหยุ่นทางการเงิน – การปรับโครงสร้างหนี้ช่วยให้ผู้กู้มีภาระผ่อนรายเดือนที่เบาลง และจัดการการเงินได้เหมาะสมกับรายได้จริง ลดโอกาสผิดนัดชำระในอนาคต

  2. ดิจิทัลเข้าถึงง่าย – การเพิ่ม “เป๋าตัง” ซึ่งเป็นแอปที่ประชาชนใช้กันแพร่หลายอยู่แล้ว ทำให้ผู้กู้ยืม โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่หรือผู้ที่อยู่ต่างจังหวัด เข้าถึงบริการได้สะดวกโดยไม่ต้องเดินทาง

  3. ผลดีต่อระบบโดยรวม – เมื่อผู้กู้ยืมเข้ามาปรับโครงสร้างหนี้มากขึ้น จะช่วยลดจำนวนบัญชีที่ผิดนัดชำระ สร้างวินัยทางการเงิน และเพิ่มเสถียรภาพให้กับกองทุนในระยะยาว

กยศ. ย้ำว่าการเดินหน้าปรับระบบให้สอดคล้องกับพฤติกรรมผู้ใช้งานยุคใหม่ เป็นการเพิ่มทั้งความโปร่งใสและความเชื่อมั่นให้กับสังคม ว่ากองทุนนี้ไม่เพียงช่วยเหลือด้านการศึกษา แต่ยังดูแลผู้กู้ยืมในด้านการจัดการหนี้อย่างยั่งยืน