กระแสการพัฒนาเทคโนโลยีแบตเตอรี่กำลังเดินทางเข้าสู่ยุคใหม่ หลังจากที่ลิเธียมไอออนครองตลาดมานานหลายสิบปี ล่าสุดในงาน Sodium-Ion Battery Forum 2025 ผู้เชี่ยวชาญหลายคนได้ออกมายืนยันตรงกันว่าแบตเตอรี่โซเดียมไอออน หรือ SIBs กำลังจะก้าวออกจากห้องทดลองและเข้าสู่การใช้งานจริงอย่างเป็นทางการ โดยคาดว่าปี 2026 จะเป็นจุดเริ่มต้นของการนำไปใช้เชิงพาณิชย์ในวงกว้าง ความตื่นเต้นที่เกิดขึ้นไม่ใช่เรื่องเกินจริง เพราะโซเดียมไอออนมีจุดแข็งหลายด้านที่สามารถเติมเต็มสิ่งที่ลิเธียมไอออนไม่อาจตอบโจทย์ได้ทั้งหมด
สิ่งที่ทำให้โซเดียมไอออนเป็นที่จับตามากที่สุดคือราคาที่ถูกกว่า เนื่องจากโซเดียมเป็นธาตุที่หาได้ง่ายและมีอยู่มากมายทั่วโลก ต่างจากลิเธียมที่มีทรัพยากรจำกัดและต้นทุนสูงขึ้นเรื่อย ๆ จากความต้องการที่พุ่งทะยาน นอกจากนี้โซเดียมยังมีความปลอดภัยมากกว่า ลดโอกาสเกิดปัญหาความร้อนสูงเกินไป และยังสามารถทำงานได้ดีในช่วงอุณหภูมิที่กว้าง ตั้งแต่ -40 องศาเซลเซียสไปจนถึง 45 องศาเซลเซียส ทำให้เหมาะกับการใช้งานในสภาพแวดล้อมที่โหดร้ายที่สุด จุดเด่นอีกอย่างที่สร้างความประทับใจคืออายุการใช้งานที่ยาวนานกว่า 10,000 รอบการชาร์จ ถือว่าน่าทึ่งเมื่อเทียบกับแบตเตอรี่ชนิดอื่น ๆ ที่ใช้งานอยู่ในปัจจุบัน
ความเคลื่อนไหวล่าสุดจากอุตสาหกรรมยิ่งทำให้กระแสนี้ชัดเจนขึ้น โดยเฉพาะ CATL ผู้ผลิตแบตเตอรี่รายใหญ่จากจีนที่ได้เปิดตัวแบตเตอรี่โซเดียมรุ่นแรกออกมาแล้ว สามารถรองรับได้ทั้งรถยนต์นั่งและรถบรรทุกไฟฟ้า โดยมีความหนาแน่นพลังงานอยู่ที่ประมาณ 165–175 Wh/kg ซึ่งเพียงพอให้รถไฟฟ้าวิ่งได้ระยะราว 500 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง นักวิเคราะห์เชื่อว่าภายใน 2–3 ปีข้างหน้า ต้นทุนการผลิตจะลดลงมาใกล้เคียงกับแบตเตอรี่ LFP และนั่นจะเป็นจุดที่ทำให้ตลาดเริ่มพลิกโฉม เพราะผู้ผลิตสามารถเลือกใช้เทคโนโลยีที่ปลอดภัยกว่าและคุ้มค่ากว่าโดยไม่กระทบต่อสมรรถนะหลัก
แม้ว่าโซเดียมไอออนจะไม่ได้ถูกมองว่าจะเข้ามาแทนที่ลิเธียมไอออนทั้งหมด แต่บทบาทของมันจะเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ช่วยขยายตลาดและทำให้พลังงานไฟฟ้ามีความหลากหลายยิ่งขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มยานพาหนะเชิงพาณิชย์ เครื่องจักรอุตสาหกรรม และระบบกักเก็บพลังงานขนาดใหญ่ที่ต้องการความทนทานมากกว่าความหนาแน่นพลังงานสูงสุด ปี 2026 จึงถูกมองว่าเป็นหมุดหมายสำคัญที่โลกจะได้เห็นการใช้งานจริงในวงกว้าง และอาจเป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในอุตสาหกรรมพลังงานสะอาด
เมื่อถึงวันนั้น โซเดียมไอออนจะไม่ใช่แค่คำสัญญาในห้องทดลองอีกต่อไป แต่จะกลายเป็นอีกหนึ่งพลังงานทางเลือกที่ช่วยพาโลกไปสู่อนาคตของการเดินทางและการใช้พลังงานที่ยั่งยืนมากยิ่งขึ้น