แบรนด์รถยนต์สัญชาติจีน JETOUR ซึ่งอยู่ภายใต้เครือบริษัท Chery Group กำลังขยายธุรกิจในประเทศมาเลเซียอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดได้ประกาศแต่งตั้ง Mohd Azhar Mustaffa Kamal ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการฝ่ายขาย (Sales Director) คนใหม่ของ JETOUR Malaysia เพื่อเสริมความแข็งแกร่งขององค์กร หลังเริ่มสายการผลิตรถยนต์ภายในประเทศเมื่อเดือนมิถุนายน 2025 ที่ผ่านมา
เพียงสามเดือนหลังเริ่มผลิตในโรงงาน CKD ที่รัฐยะโฮร์ JETOUR Malaysia ได้ส่งมอบรถยนต์ไปแล้วกว่า 1,000 คัน และมียอดจองสะสมมากกว่า 2,000 คัน ซึ่งสะท้อนถึงกระแสตอบรับที่ดีจากตลาด SUV ในประเทศ ปัจจุบันแบรนด์มีโชว์รูมและศูนย์บริการที่ได้รับอนุญาตกว่า 20 แห่งทั่วประเทศ และตั้งเป้าจะขยายเป็น 30 แห่งภายในสิ้นปี 2025 เพื่อรองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้น
Fu Yong ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ JETOUR Malaysia กล่าวว่า การแต่งตั้ง Mohd Azhar เข้าร่วมทีมถือเป็นกลยุทธ์สำคัญของบริษัท เนื่องจากเขามีประสบการณ์มากกว่า 20 ปีในวงการยานยนต์และมีวิสัยทัศน์เชิงกลยุทธ์ที่ผสานกับการบริหารเชิงปฏิบัติได้อย่างลงตัว โดยจะมีบทบาทสำคัญในการเร่งขยายเครือข่ายการขายและบริการหลังการขาย ยกระดับประสบการณ์ของลูกค้า และสร้างภาพลักษณ์ของ JETOUR ให้เป็นแบรนด์ SUV ที่สะท้อนไลฟ์สไตล์การเดินทางตามแนวคิด “Travel+” ของบริษัท
Mohd Azhar กล่าวถึงวิสัยทัศน์ในการบริหารว่า “ผมต้องการให้ JETOUR Malaysia เป็นแบรนด์ที่ผู้คนจดจำได้ ไม่เพียงเพราะรถยนต์ของเรา แต่เพราะความไว้วางใจ นวัตกรรม และคุณค่าที่เรามอบให้แก่ลูกค้าและพันธมิตรทุกคน การขายรถไม่ใช่จุดจบ แต่คือการสร้างความสัมพันธ์ที่ยั่งยืนระหว่างแบรนด์กับผู้ใช้” เขายังระบุด้วยว่าจะเน้นการขยายเครือข่ายการขายและบริการ เพิ่มโปรแกรมความภักดีของลูกค้า และยกระดับประสบการณ์หลังการขายให้สอดคล้องกับปรัชญา “Travel+” ที่เน้นความสะดวกสบาย เทคโนโลยี และไลฟ์สไตล์
ในปัจจุบัน JETOUR Malaysia มีรถยนต์ SUV จำหน่าย 2 รุ่นหลัก ได้แก่ JETOUR Dashing และ JETOUR VT9 ซึ่งทั้งคู่ได้รับการประกอบภายในประเทศ (CKD) ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2025 JETOUR Dashing เป็น SUV แบบ 5 ที่นั่งในกลุ่ม C-segment ใช้เครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบ 1.5 ลิตร ให้กำลัง 156 แรงม้า แรงบิด 230 นิวตันเมตร ส่งกำลังด้วยเกียร์ดูอัลคลัตช์ 6 จังหวะ (DCT) มาพร้อมพื้นที่เก็บสัมภาระขนาดใหญ่ถึง 977 ลิตรเมื่อพับเบาะหลัง ราคาเริ่มต้นที่ RM 109,800 สำหรับรุ่น Comfort และ RM 116,800 สำหรับรุ่น Prime ภายในติดตั้งจอแสดงผลดิจิทัล 10.25 นิ้ว จอสัมผัสขนาด 12.8 นิ้ว รองรับ Apple CarPlay และ Android Auto มีหลังคาซันรูฟแบบพาโนรามา เบาะคนขับปรับไฟฟ้า ระบบกล้องมองรอบคัน และชุดความปลอดภัยครบถ้วนพร้อมระบบช่วยขับขั้นสูง (ADAS) ในรุ่นสูงสุด
ส่วน JETOUR VT9 เป็น SUV แบบ 7 ที่นั่งในกลุ่ม D-segment ใช้เครื่องยนต์ 1.5 ลิตร เทอร์โบเท่ากัน ให้กำลัง 156 แรงม้า และแรงบิด 230 นิวตันเมตร ขับเคลื่อนล้อหน้า ผ่านเกียร์ DCT 6 จังหวะ มีราคาจำหน่ายระหว่าง RM 119,350 – RM 124,350 พร้อมอุปกรณ์อำนวยความสะดวกเพิ่มเติม เช่น เบาะหน้าแบบระบายอากาศ ประตูท้ายไฟฟ้า ซันรูฟพาโนรามา และระบบ ADAS ครบชุด
นอกจากนี้ JETOUR ยังได้เผยแผนขยายไลน์อัปเพิ่มเติมในมาเลเซียภายในปี 2025–2026 ด้วยการเปิดตัวสองรุ่นใหม่ ได้แก่ JETOUR T2 SUV สไตล์ออฟโรดที่ใช้ระบบขับเคลื่อนแบบ Plug-in Hybrid (PHEV) ผสานเครื่องยนต์เทอร์โบและมอเตอร์ไฟฟ้า และ JETOUR eVT5 ซึ่งจะเป็น SUV ไฟฟ้าเต็มรูปแบบรุ่นแรกของแบรนด์ในตลาดมาเลเซีย โดยจะมีระยะทางขับขี่ต่อการชาร์จอยู่ที่ราว 400–500 กิโลเมตร ต่อหนึ่งครั้ง ทั้งสองรุ่นนี้เป็นส่วนหนึ่งของแผนกลยุทธ์ระยะยาวในการพัฒนาแบรนด์ให้ก้าวสู่ยุคพลังงานทางเลือกและยานยนต์ไฟฟ้าอย่างเต็มรูปแบบ
การแต่งตั้ง Mohd Azhar พร้อมกับการขยายสายการผลิตและเครือข่ายผู้จำหน่ายทั่วประเทศ สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของ JETOUR Malaysia ในการสร้างรากฐานที่มั่นคงในตลาด SUV ที่มีการแข่งขันสูง และเดินหน้าสู่การเป็นหนึ่งในผู้เล่นหลักของตลาดยานยนต์มาเลเซียภายใต้แนวคิด “Travel+” ที่เน้นทั้งเทคโนโลยี ความสะดวกสบาย และความสุขของการเดินทางในทุกเส้นทาง
ที่มา : zigwheels