Foxconn หรือ Hon Hai Precision Industry บริษัทผู้รับจ้างผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์รายใหญ่ที่สุดในโลก และเป็นผู้ประกอบ iPhone รายหลักของ Apple รวมถึงผู้ผลิตเซิร์ฟเวอร์ให้กับ Nvidia เตรียมรายงานผลประกอบการไตรมาส 2 ประจำปีนี้ (เมษายน-มิถุนายน) ในวันพฤหัสบดี โดยมีการคาดการณ์จาก LSEG ว่ากำไรสุทธิจะเติบโตขึ้นราว 11% แตะ 38.8 พันล้านดอลลาร์ไต้หวัน หรือประมาณ 1.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นจาก 35.05 พันล้านดอลลาร์ไต้หวันในช่วงเดียวกันของปีก่อน ปัจจัยหลักที่ขับเคลื่อนการเติบโตครั้งนี้คือความต้องการใช้งานเซิร์ฟเวอร์เพื่อรองรับปัญญาประดิษฐ์ (AI) ที่ยังคงขยายตัวอย่างต่อเนื่อง

เมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา Foxconn เพิ่งประกาศทำสถิติรายได้ไตรมาส 2 สูงสุดเป็นประวัติการณ์จากความต้องการสินค้าในกลุ่ม AI ที่แข็งแกร่ง อย่างไรก็ตาม บริษัทก็ได้เตือนว่าความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์และความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนยังคงเป็นปัจจัยเสี่ยงที่ต้องติดตามใกล้ชิด เนื่องจาก Foxconn มีฐานการผลิตขนาดใหญ่ในประเทศจีน แม้ว่าล่าสุดสหรัฐฯ และจีนจะขยายข้อตกลงระงับการจัดเก็บภาษีนำเข้าเพิ่มเติมออกไปอีก 90 วันก็ตาม

เพื่อลดการพึ่งพาการผลิตในจีน Foxconn ได้เร่งกระจายฐานการผลิตมายังประเทศอื่น ๆ โดยในปัจจุบัน iPhone ส่วนใหญ่ที่จำหน่ายในสหรัฐฯ ถูกประกอบขึ้นใน อินเดีย ขณะเดียวกันบริษัทก็กำลังก่อสร้างโรงงานใน เม็กซิโก และ รัฐเทกซัส เพื่อผลิตเซิร์ฟเวอร์ AI ให้กับ Nvidia นอกจากนี้ Foxconn ยังรุกเข้าสู่ธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้า (EV) ซึ่งบริษัทมองว่าเป็นหนึ่งในเสาหลักการเติบโตในอนาคต แม้เส้นทางการพัฒนาจะไม่ได้ราบรื่นนัก ล่าสุดบริษัทได้บรรลุข้อตกลงขายโรงงานประกอบรถยนต์เดิมในเมือง Lordstown รัฐโอไฮโอ มูลค่า 375 ล้านดอลลาร์สหรัฐ พร้อมเครื่องจักรภายใน แต่ยังคงใช้พื้นที่ดังกล่าวต่อไปในการผลิตสินค้าหลากหลายประเภทที่สอดคล้องกับกลยุทธ์ใหม่

นอกเหนือจากธุรกิจสมาร์ตโฟนและเซิร์ฟเวอร์ Foxconn ยังมุ่งขยายไปสู่โครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล โดยเมื่อเดือนที่แล้ว บริษัทได้จับมือกับ TECO Electric & Machinery ผู้ผลิตมอเตอร์อุตสาหกรรมจากไต้หวัน เพื่อร่วมกันสร้างศูนย์ข้อมูล (Data Centers) ซึ่งสอดรับกับแนวโน้มความต้องการพื้นที่จัดเก็บและประมวลผลข้อมูลที่เพิ่มสูงขึ้นทั่วโลก

Foxconn จะจัดประชุมแถลงผลประกอบการและอัปเดตแนวโน้มธุรกิจในเวลา 15.00 น. ตามเวลาท้องถิ่นไทเป (07.00 GMT) ในวันพฤหัสบดีนี้ โดยนักวิเคราะห์คาดว่าบริษัทจะยังคงมองบวกต่อการเติบโตในไตรมาส 3 แม้จะไม่ได้ให้ตัวเลขคาดการณ์ที่ชัดเจน แต่ได้เน้นย้ำว่าต้องติดตามสถานการณ์เศรษฐกิจและการเมืองโลกที่ยังคงเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ขณะที่ตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน หุ้น Foxconn ปรับตัวเพิ่มขึ้นแล้ว 7.9% แซงหน้าการเติบโตของดัชนีตลาดหุ้นไต้หวัน (.TWII) ที่ขยับขึ้นเพียง 5.8% ในช่วงเดียวกัน ซึ่งสะท้อนถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่อศักยภาพการเติบโตของบริษัทในยุคที่เทคโนโลยี AI และโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลกำลังเป็นปัจจัยขับเคลื่อนหลักของอุตสาหกรรม

ที่มา : reuters