การประเมินคุณธรรมและความโปร่งใสในการดำเนินงานของหน่วยงานภาครัฐ (Integrity and Transparency Assessment : ITA) ประจำปีงบประมาณ 2568 ที่จัดทำโดยสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ถือเป็นเวทีสำคัญที่สะท้อนมาตรฐานการทำงานของภาครัฐไทย โดยในปีนี้มีหน่วยงานภาครัฐเข้าร่วมการประเมินมากถึงกว่า 8,300 แห่งทั่วประเทศ ผลที่ออกมาสร้างความภาคภูมิใจแก่กระทรวงอุตสาหกรรม เมื่อสามารถคว้าอันดับที่ 4 ของประเทศด้วยคะแนนเฉลี่ย 95.32 คะแนน ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมา 1.47 คะแนน และจัดอยู่ในระดับ “ผ่านดี”
ความสำเร็จครั้งนี้ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่เกิดจากความพยายามอย่างต่อเนื่องของกระทรวงในการยกระดับมาตรฐานการทำงานให้มีความโปร่งใส ตรวจสอบได้ และเป็นธรรม นายณัฐพล รังสิตพล ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า การรักษาคะแนนในระดับสูงอย่างต่อเนื่องคือเครื่องพิสูจน์ว่า นโยบายและการดำเนินงานของกระทรวงมีความจริงจังต่อหลักธรรมาภิบาล ตั้งแต่การกำกับดูแลอุตสาหกรรม การอนุมัติอนุญาต ไปจนถึงการให้บริการแก่ประชาชนและผู้ประกอบการ

สิ่งที่น่าสนใจคือ ความโปร่งใสของหน่วยงานรัฐไม่ได้ส่งผลเพียงแค่ต่อการทำงานภายใน แต่ยังมีผลโดยตรงต่อภาพลักษณ์ประเทศและความเชื่อมั่นของนักลงทุน โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่ไทยกำลังเร่งผลักดันอุตสาหกรรมใหม่หรือ “New S-Curve” เพื่อรองรับอนาคต ความชัดเจนและเปิดเผยในกระบวนการทำงานของกระทรวงอุตสาหกรรมจึงช่วยลดความเสี่ยงด้านการทุจริต และสร้างบรรยากาศการลงทุนที่มั่นคงยิ่งขึ้น นักลงทุนต่างชาติสามารถมั่นใจได้ว่าการลงทุนในไทยอยู่บนกฎเกณฑ์ที่ยุติธรรมและโปร่งใส
ในมิติของประชาชนและผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ความโปร่งใสของกระทรวงอุตสาหกรรมยังหมายถึงการได้รับบริการที่ตรงไปตรงมาและลดขั้นตอนที่ไม่จำเป็น การเปิดเผยข้อมูลสาธารณะอย่างชัดเจนทำให้ผู้ที่เกี่ยวข้องสามารถเข้าถึงข้อมูลได้สะดวก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องกฎระเบียบ ข้อกำหนด หรือสิทธิประโยชน์ทางอุตสาหกรรม สิ่งเหล่านี้ช่วยลดความเหลื่อมล้ำทางข้อมูลและเปิดโอกาสให้ทุกกลุ่มสามารถแข่งขันได้อย่างเป็นธรรม
ผลการประเมินยังชี้ให้เห็นถึงความเข้มแข็งของหน่วยงานในสังกัดกระทรวงอุตสาหกรรมทั้งหมด 8 หน่วยงาน ที่ต่างก็ทำคะแนนได้เกินเกณฑ์มาตรฐาน 85 คะแนน โดยเฉพาะสำนักงานปลัดกระทรวงอุตสาหกรรมที่ทำคะแนนสูงถึง 98.47 คะแนน ติดอันดับ 9 ของประเทศในระดับกรมหรือเทียบเท่า สะท้อนว่าความสำเร็จไม่ได้จำกัดเพียงในเชิงนโยบาย แต่เป็นความร่วมมือของทุกระดับ ตั้งแต่ผู้บริหารจนถึงบุคลากรในพื้นที่
กรอบการประเมิน ITA ในปีนี้ประกอบด้วย 4 ส่วนสำคัญ ได้แก่ การรับรู้ของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียภายใน 30% การรับรู้ของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียภายนอกจากผู้รับบริการโดยตรง 15% การรับรู้จากผู้มีส่วนได้ส่วนเสียภายนอกที่ผู้ประเมินเก็บข้อมูล 15% และการเปิดเผยข้อมูลสาธารณะ 40% ซึ่งถือเป็นตัวชี้วัดสำคัญที่สะท้อนให้เห็นว่าการทำงานของภาครัฐไม่ได้ถูกประเมินเพียงแค่จากตัวเอง แต่ยังมาจากสายตาของประชาชนและสังคมโดยรอบ
ดังนั้น คะแนน 95.32 ที่กระทรวงอุตสาหกรรมได้รับในปี 2568 จึงไม่ใช่แค่ “ตัวเลข” หากแต่เป็นสัญลักษณ์ของความมุ่งมั่นที่จะเดินหน้าตามแนวทางความโปร่งใสและความรับผิดชอบต่อสังคม การยืนอยู่ในอันดับต้น ๆ ของผลการประเมินติดต่อกัน แสดงให้เห็นถึงคำมั่นสัญญาที่หน่วยงานต้องการมอบให้กับทุกภาคส่วน ทั้งประชาชน เอสเอ็มอี นักลงทุน และผู้ประกอบกิจการอุตสาหกรรม ว่าการบริหารจัดการจะเป็นไปอย่างตรงไปตรงมา มีมาตรฐาน และตรวจสอบได้
สุดท้าย ความสำเร็จในครั้งนี้จึงไม่เพียงเป็น “เกียรติยศ” ขององค์กร แต่ยังเป็น “ความเชื่อมั่น” ที่จะช่วยเสริมศักยภาพให้กระทรวงอุตสาหกรรมก้าวต่อไปได้อย่างมั่นคง และช่วยให้ประเทศไทยสามารถสร้างบรรยากาศการลงทุนและการพัฒนาอุตสาหกรรมที่ยั่งยืนในระยะยาวได้อย่างแท้จริง