เช้าวันที่ 16 กันยายน บรรยากาศตลาดเงินยังคงจับตาความเคลื่อนไหวของค่าเงินบาท ซึ่งเปิดตลาดที่ 31.82 บาทต่อดอลลาร์ แข็งค่าขึ้นเล็กน้อยเมื่อเทียบกับวันก่อนหน้า แม้จะไม่เปลี่ยนแปลงมากนัก แต่สะท้อนให้เห็นแรงกดดันที่ยังคงวนเวียนอยู่รอบ ๆ เรื่องดอกเบี้ยสหรัฐฯ และราคาทองคำที่ขยับขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ตลอดคืนที่ผ่านมา เงินบาทเคลื่อนไหวในกรอบแคบแบบ Sideways Down แถว 31.76–31.89 บาทต่อดอลลาร์ ท่ามกลางการอ่อนค่าของเงินดอลลาร์และการลดลงของบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ซึ่งช่วยหนุนราคาทองคำพุ่งแตะจุดสูงสุดใหม่เกือบ 3,680 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และยังมีโอกาสไต่ระดับไปที่ 3,700 ดอลลาร์ตามมุมมองทางเทคนิค

แรงผลักสำคัญมาจากความคาดหวังว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ จะคงทิศทางลดดอกเบี้ยหลายครั้งต่อเนื่องไปจนถึงสิ้นปี 2026 แม้ตลาดจะรอดูข้อมูลเศรษฐกิจเพิ่มเติม โดยเฉพาะยอดค้าปลีกสหรัฐฯ ที่จะประกาศก่อนการประชุม FOMC สัปดาห์นี้ ซึ่งอาจมีผลต่อมุมมองการเงินของเฟดในระยะถัดไป

ในประเทศเอง ช่วงก่อนหน้าเงินบาทเคยอ่อนค่าลงใกล้ระดับ 32 บาทต่อดอลลาร์ จากกระแสข่าวภาครัฐอาจเข้ามาควบคุมการซื้อขายทองคำออนไลน์เพื่อลดแรงกระทบต่อค่าเงิน แต่แรงขายดอลลาร์จากนักลงทุนบางส่วนทำให้การอ่อนค่าไม่ลากยาวเกินไป อีกทั้งการที่บอนด์ยีลด์ไทยขยับสูงขึ้น ยังเปิดโอกาสให้นักลงทุนต่างชาติกลับเข้ามาซื้อบอนด์ไทยทั้งสั้นและยาว

แม้เงินบาทดูเหมือนนิ่ง แต่ความผันผวนยังไม่หายไปไหน เพราะทุกสายตายังจ้องการประชุมเฟดว่าจะลดดอกเบี้ยแรงหรือเบากว่าที่คาด ขณะที่นักวิเคราะห์หลายฝ่ายแนะนำให้ผู้ประกอบการใช้กลยุทธ์ป้องกันความเสี่ยงเพิ่มเติม เช่น การใช้ออปชัน หรือกระจายความเสี่ยงไปยังสกุลเงินท้องถิ่น

ในเวทีโลก ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ยังขับเคลื่อนโดยหุ้นเทคโนโลยีขนาดใหญ่ ดัชนี Nasdaq ปิดบวกเกือบ 1% ส่วนยุโรป หุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมการบิน–ทหาร และสินค้าแบรนด์เนมโดดเด่นขึ้นมาท่ามกลางความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์ ด้านราคาทองคำยังยืนเหนือโซน 3,700 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แม้จะถูกแรงขายทำกำไรบ้างก็ตาม

ทั้งหมดนี้ทำให้วันนี้เงินบาทยังคงเดินเกมอย่างระมัดระวังในกรอบ 31.70–31.95 บาทต่อดอลลาร์ พร้อมกับการรอคอยสัญญาณชัดเจนจากฝั่งสหรัฐฯ ว่าดอกเบี้ยจะถูกปรับลดมากน้อยเพียงใดในระยะถัดไป