อัปเดตล่าสุด รัฐบาลเตรียมเปิดโครงการ “คนละครึ่งพลัส” หรือที่หลายคนเรียกว่า “คนละครึ่ง 2568” อย่างเป็นทางการในช่วงต้นเดือนตุลาคมนี้ หลังจากที่พรรคภูมิใจไทยได้สรุปนโยบายเร่งด่วน “4 เดือน 4 ภารกิจหลัก” เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับประเทศ พร้อมย้ำเป้าหมายหลักคือการลดภาระค่าครองชีพและกระตุ้นเศรษฐกิจฐานรากให้กลับมาฟื้นตัว โดยนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ระบุว่า โครงการนี้เป็นประโยชน์เพราะมีส่วนร่วมระหว่างประชาชนและรัฐบาล และมั่นใจว่าจะช่วยหมุนเวียนเงินในระบบเศรษฐกิจได้อย่างรวดเร็ว

สำหรับ “คนละครึ่งพลัส” รอบใหม่นี้ รัฐบาลเตรียมวงเงินกว่า 60,000 ล้านบาท เพื่อรองรับประชาชนกว่า 33 ล้านคน โดยใช้ทั้งงบประมาณคงเหลือจากปี 2568 และงบประมาณปี 2569 โดยแบ่งสิทธิเป็น 3 กลุ่มใหญ่ กลุ่มแรกคือผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐจำนวน 13 ล้านคน รัฐบาลจะเพิ่มเงินช่วยเหลืออีกเดือนละ 1,700 บาท รวมกับสิทธิเดิม 300 บาท ทำให้ได้รับรวม 2,000 บาทต่อเดือน โดยไม่ต้องลงทะเบียนใหม่ ซึ่งใช้งบประมาณประมาณ 22,000 ล้านบาทจากกองทุนสวัสดิการแห่งรัฐ กลุ่มที่สองคือผู้ที่อยู่ในระบบภาษีจำนวน 11 ล้านคน จะได้รับสิทธิแบบใหม่คือการเปลี่ยนจาก 50:50 เป็น 60:40 โดยรัฐบาลสมทบ 2,400 บาท ขณะที่ประชาชนเติมเงิน 2,000 บาท และสามารถใช้จ่ายได้วันละไม่เกิน 200 บาท ส่วนกลุ่มที่สามคือผู้ที่อยู่นอกระบบภาษีจำนวน 9 ล้านคน รัฐบาลจะโอนเงินเข้าระบบ 2,000 บาทเต็มจำนวน ซึ่งงบประมาณของกลุ่มสองและกลุ่มสามรวมกันอยู่ที่ประมาณ 40,000 ล้านบาท และจะใช้งบปี 2569 เป็นหลัก

ทั้งนี้ ผู้ที่เคยเข้าร่วมโครงการคนละครึ่งเฟส 5 จะได้รับสิทธิโดยอัตโนมัติไม่ต้องลงทะเบียนใหม่ ขณะที่ผู้ที่อยู่ในเฟสก่อนหน้านั้นหรือไม่เคยเข้าร่วมเลย จะต้องทำการลงทะเบียนใหม่ผ่านแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” โดยมีกำหนดเปิดลงทะเบียนช่วงต้นเดือนตุลาคม 2568 และคาดว่าประชาชนจะสามารถเริ่มใช้สิทธิได้ตั้งแต่ปลายเดือนตุลาคมเป็นต้นไป หากกระบวนการลงทะเบียนและการตรวจสอบสิทธิเป็นไปอย่างราบรื่น

โครงการคนละครึ่งพลัสจึงถูกจับตาอย่างมากในฐานะมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ครอบคลุมกลุ่มเป้าหมายหลากหลาย ทั้งผู้มีรายได้น้อยที่ต้องการความช่วยเหลือโดยตรง กลุ่มคนทำงานที่อยู่ในระบบภาษี และประชาชนที่อยู่นอกระบบ ซึ่งรวมแล้วกว่า 30 ล้านคนทั่วประเทศ ขณะนี้รัฐบาลยังอยู่ระหว่างการจัดทำรายละเอียดเชิงปฏิบัติและแนวทางการใช้สิทธิ หากมีความคืบหน้าเพิ่มเติมจะมีการประกาศอย่างเป็นทางการต่อไป เพื่อให้ประชาชนเตรียมตัวรับสิทธิได้ทันตามกำหนด