ทุกครั้งที่ “สารทจีน” มาถึง ภาพที่คุ้นเคยคือครอบครัวชาวไทยเชื้อสายจีนรวมตัวกันเพื่อทำพิธีไหว้บรรพบุรุษด้วยอาหารและสิ่งของมงคล แต่ในโลกยุคใหม่ที่ความสะดวกสบายและเวลาเป็นปัจจัยสำคัญ เทศกาลนี้ไม่ได้สะท้อนเพียงความกตัญญู แต่ยังกลายเป็น “โอกาสทางการตลาด” ที่หลายบริษัทหยิบขึ้นมาเป็นเครื่องมือสื่อสารกับผู้บริโภคได้อย่างแนบเนียน
ปี 2568 นี้ บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ CPF ไม่เพียงแค่จัดจำหน่ายสินค้าสำหรับไหว้บรรพบุรุษ แต่ยังวางตำแหน่งแบรนด์ให้เป็น “ผู้ช่วยคู่บ้าน” ที่ทำให้ประเพณีเก่าแก่กลายเป็นกิจกรรมร่วมสมัยที่คนรุ่นใหม่เข้าถึงง่ายขึ้น ภายใต้แคมเปญ “ไหว้ให้ได้ดี” ที่จัดขึ้นร่วมกับ CP Axtra ระหว่างวันที่ 28 สิงหาคม – 6 กันยายน 2568 ตามห้าง Makro และ Lotus’s ทุกสาขา
หัวใจสำคัญของแคมเปญนี้ไม่ได้อยู่แค่ราคาพิเศษ แต่คือ “การเล่าเรื่องใหม่ของการไหว้” ผ่านสินค้าและกิจกรรม เช่น การแจกคู่มือไหว้มหามงคลที่ช่วยให้คนรุ่นใหม่เข้าใจความหมายของเครื่องไหว้แต่ละอย่าง และการ์ดแดงเฮงปังที่ทำให้การซื้อของไหว้เชื่อมโยงกับการเสริมดวงและการขอพรในเชิงสัญลักษณ์ สินค้าหลักก็ยังถูกออกแบบให้มีเรื่องเล่า เช่น เป็ดพะโล้ 419 บาทแทนความปลอดภัย ไก่ต้ม 359 บาทสื่อถึงการเริ่มต้นใหม่ และขาหมูพะโล้ 355 บาทเป็นตัวแทนแห่งความมั่งคั่ง
ไม่เพียงเท่านั้น CPF ยังขยายแนวคิดไปยังแบรนด์ลูกในเครือ เช่น Five Star ที่จัดเมนูไหว้เจ้าแบบพร้อมสั่งจอง หรือ Chester’s ที่เน้นความสะดวกสบายของชุดไหว้กล่องเดียวครบ ตอบโจทย์คนเมืองที่ใช้ชีวิตเร่งรีบแต่ยังอยากรักษาขนบประเพณีไว้ครบถ้วน
หากมองในเชิงภาพใหญ่ นี่คือการเปลี่ยนแปลงของเทศกาลสารทจีนจากพิธีกรรมดั้งเดิมที่เคยทำกันในบ้าน สู่การเป็นกิจกรรมที่เชื่อมโยงกับเศรษฐกิจและพฤติกรรมการบริโภคยุคใหม่ การตลาดเชิงวัฒนธรรมเช่นนี้ทำให้แบรนด์อย่าง CPF ไม่ได้ถูกจดจำเพียงในฐานะผู้ผลิตอาหาร แต่ยังเป็น “ผู้สร้างประสบการณ์” ที่ช่วยให้ผู้บริโภคสานต่อความกตัญญูต่อบรรพบุรุษได้อย่างสะดวกและมีความหมายมากขึ้น
สุดท้ายแล้ว เทศกาลสารทจีนในวันนี้ไม่ได้เป็นแค่การซื้อของไหว้ แต่คือการสร้างความทรงจำร่วมกันของครอบครัว และเป็นเวทีที่แบรนด์ใช้ในการตีความคุณค่าทางวัฒนธรรมให้สอดรับกับโลกปัจจุบัน โดยที่ความศักดิ์สิทธิ์และความกตัญญูยังคงอยู่ครบถ้วน เพียงแต่ถูกนำเสนอในรูปแบบที่สดใหม่และร่วมสมัยกว่าเดิม