บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TRUE ประกาศเดินหน้าระดมทุนผ่านการออกหุ้นกู้ชุดใหม่จำนวน 4 รุ่น โดยกำหนดอัตราดอกเบี้ยคงที่ระหว่าง 2.60% – 3.55% ต่อปี ครอบคลุมอายุหุ้นกู้ตั้งแต่ 4 ปี จนถึง 10 ปีเต็ม เพื่อเปิดโอกาสให้นักลงทุนที่ต้องการความมั่นคงและผลตอบแทนที่แน่นอน สามารถเข้ามาจองซื้อได้ในช่วงระหว่าง 30 ตุลาคม – 3 พฤศจิกายน 2568

การออกหุ้นกู้ครั้งนี้ถือเป็นหนึ่งในกลยุทธ์สำคัญของ TRUE ในการเสริมสภาพคล่องทางการเงิน และรองรับการขยายธุรกิจต่อเนื่อง โดยยังคงเน้นให้ผู้ลงทุนมั่นใจด้วยอัตราดอกเบี้ยที่คงที่ตลอดอายุสัญญา พร้อมกับความน่าเชื่อถือของบริษัทที่ได้รับการจัดอันดับเครดิตจากสถาบันจัดอันดับชั้นนำ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นในด้านความมั่นคงของการลงทุน

หุ้นกู้ทั้ง 4 รุ่นถูกออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์นักลงทุนที่มีความต้องการแตกต่างกัน ตั้งแต่ผู้ที่ต้องการลงทุนในระยะกลาง 4–6 ปี เพื่อสร้างผลตอบแทนที่สม่ำเสมอ ไปจนถึงนักลงทุนระยะยาวที่มองหาความมั่นคงมากกว่า 10 ปี โดยอัตราดอกเบี้ยสูงสุดที่ 3.55% ต่อปี ถือว่าโดดเด่นเมื่อเปรียบเทียบกับตราสารหนี้ประเภทอื่นในตลาดปัจจุบัน ซึ่งอยู่ในช่วงดอกเบี้ยขาลงและมีการปรับลดผลตอบแทนในหลายสินทรัพย์

สำหรับนักลงทุนทั่วไปที่กำลังมองหาทางเลือกนอกเหนือจากเงินฝากออมทรัพย์หรือประจำ ซึ่งดอกเบี้ยมักต่ำกว่าระดับ 2% ต่อปี หุ้นกู้ของ TRUE ครั้งนี้จึงถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจ เพราะนอกจากให้ผลตอบแทนสูงกว่าแล้ว ยังมีโครงสร้างดอกเบี้ยที่ชัดเจน และการชำระคืนเงินต้นที่แน่นอนตามกำหนดอายุของหุ้นกู้แต่ละรุ่น

นอกจากนี้ การเสนอขายหุ้นกู้ยังสะท้อนถึงความเชื่อมั่นของบริษัทในศักยภาพการดำเนินธุรกิจระยะยาว โดย TRUE มีแผนเดินหน้าลงทุนต่อเนื่องในธุรกิจโทรคมนาคม โครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัล และการให้บริการเชื่อมต่อที่ครอบคลุมทุกกลุ่มลูกค้า ซึ่งการมีเงินทุนจากหุ้นกู้จะช่วยสนับสนุนการขยายบริการและเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับฐานะการเงิน

ในมุมมองของนักวิเคราะห์ หลายฝ่ายเชื่อว่าหุ้นกู้ชุดใหม่นี้จะได้รับความสนใจจากนักลงทุนอย่างกว้างขวาง เนื่องจากอัตราผลตอบแทนที่จูงใจและระยะเวลาการลงทุนที่หลากหลายสามารถเลือกได้ตามความเหมาะสมของแต่ละบุคคล ทั้งยังเป็นโอกาสกระจายความเสี่ยงในช่วงที่ตลาดทุนมีความผันผวน และตลาดหุ้นยังมีแรงกดดันจากเศรษฐกิจโลก

กล่าวโดยสรุป การเสนอขายหุ้นกู้ของ TRUE ระหว่างวันที่ 30 ตุลาคม – 3 พฤศจิกายน 2568 จึงไม่เพียงเป็นโอกาสสำหรับบริษัทในการเสริมแกร่งด้านการเงิน แต่ยังเป็นโอกาสสำหรับผู้ลงทุนที่ต้องการผลตอบแทนคงที่และมั่นคงในระยะยาว โดยเฉพาะผู้ที่กำลังมองหาทางเลือกใหม่ในการบริหารเงินออมให้เติบโตอย่างต่อเนื่องและปลอดภัย