สองสำนักพิมพ์รายใหญ่ของญี่ปุ่นอย่างอาซาฮี ชิมบุน และนิเคอิ ได้ตัดสินใจยื่นฟ้องบริษัทสตาร์ตอัปด้านปัญญาประดิษฐ์จากสหรัฐฯ Perplexity AI ต่อศาลแขวงโตเกียวในช่วงปลายเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา โดยกล่าวหาว่าบริษัทดังกล่าวนำบทความข่าวที่มีลิขสิทธิ์ไปใช้ตอบคำถามผู้ใช้งานโดยไม่ผ่านการขออนุญาต การเคลื่อนไหวครั้งนี้สะท้อนถึงความกังวลที่กำลังแพร่หลายไปทั่วโลก เกี่ยวกับการที่ระบบ AI สมัยใหม่อาศัยผลงานที่สื่อมวลชนสร้างขึ้น แต่กลับไม่ให้ผลตอบแทนกลับคืนแก่ผู้ผลิตเนื้อหาต้นฉบับ

ตามคำฟ้อง สื่อญี่ปุ่นทั้งสองอธิบายว่า Perplexity ใช้วิธีการดึงบทความจากเว็บไซต์ของพวกเขาไปเก็บไว้บนเซิร์ฟเวอร์ของตน ก่อนจะนำข้อมูลเหล่านั้นไปสร้างคำตอบให้ผู้ใช้งานเห็นบนโทรศัพท์มือถือหรือคอมพิวเตอร์ แม้ว่าทั้งอาซาฮีและนิเคอิจะมีการกำหนดข้อห้ามผ่านไฟล์ robots.txt เพื่อแสดงเจตนารมณ์ไม่อนุญาตให้มีการนำข้อมูลไปใช้ แต่ Perplexity ก็ยังคงดำเนินการต่อไป การกระทำเช่นนี้ไม่เพียงเข้าข่ายละเมิดลิขสิทธิ์ แต่ยังถูกมองว่าเป็นการทำลายหลักความน่าเชื่อถือ เพราะบางครั้งข้อมูลที่ AI นำไปแสดงมีความบิดเบือนหรือคลาดเคลื่อนจากข้อเท็จจริง ทำให้ผู้อ่านอาจเข้าใจผิดและกระทบต่อภาพลักษณ์ของสื่อที่อาศัยความแม่นยำเป็นหัวใจสำคัญ

นอกจากการเรียกร้องให้ศาลสั่งห้ามไม่ให้ Perplexity ทำซ้ำหรือเผยแพร่บทความโดยพลการแล้ว ทั้งสองสำนักพิมพ์ยังยื่นคำร้องขอค่าเสียหายจำนวนมหาศาลถึงบริษัทละกว่า 2.2 พันล้านเยน หรือราว 15 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพื่อสะท้อนให้เห็นถึงมูลค่าของผลงานที่นักข่าวสร้างขึ้นด้วยความพยายามและใช้เวลาอย่างยาวนาน พวกเขาย้ำว่า การปล่อยให้บริษัทเทคโนโลยีใช้ผลงานเหล่านี้ฟรี ๆ โดยไม่ต้องลงทุนด้านบุคลากรและการตรวจสอบข้อเท็จจริง ย่อมเป็นการบั่นทอนเสถียรภาพของวงการสื่อ และอาจนำไปสู่สถานการณ์ที่สังคมไม่สามารถพึ่งพาแหล่งข่าวที่น่าเชื่อถือได้อีกต่อไป

กระแสการฟ้องร้องเช่นนี้ไม่ได้จำกัดอยู่เพียงญี่ปุ่นเท่านั้น เพราะในสหรัฐฯ และยุโรปก็เกิดข้อพิพาทในประเด็นเดียวกัน สื่อหลายแห่งต่างลุกขึ้นมาตั้งคำถามถึงความเป็นธรรมของโมเดลธุรกิจ AI ที่ใช้ข้อมูลข่าวสารมาเป็นวัตถุดิบโดยตรง โดยไม่คืนผลประโยชน์ให้กับผู้ผลิตเนื้อหา ขณะที่ Perplexity อธิบายว่าแพลตฟอร์มของตนมีเป้าหมายในการพัฒนาระบบค้นหาที่ฉลาดขึ้น ด้วยการผสานเสิร์ชเอนจินเข้ากับเทคโนโลยีสรุปข้อมูลจากหลากหลายแหล่ง อย่างไรก็ตาม ในสายตาของสื่อญี่ปุ่น มันไม่ต่างอะไรจากการอาศัยแรงงานผู้อื่นฟรี ๆ และยังบ่อนทำลายความเป็นธรรมทางธุรกิจอีกด้วย

ข้อพิพาทครั้งนี้อาจกลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในการนิยามความสัมพันธ์ระหว่างเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์กับวงการสื่อ เพราะหากศาลตัดสินเข้าข้างฝ่ายสำนักพิมพ์ นั่นอาจสร้างมาตรฐานใหม่ในการบังคับให้บริษัท AI ต้องเจรจาและจ่ายค่าตอบแทนอย่างเป็นธรรม ขณะเดียวกันหาก Perplexityสามารถโต้แย้งได้สำเร็จ อนาคตของการใช้ข่าวและบทความโดย AI ก็อาจเปิดกว้างมากขึ้น และส่งผลโดยตรงต่ออนาคตของธุรกิจสื่อทั่วโลกที่กำลังพยายามดิ้นรนเพื่อความอยู่รอดในยุคดิจิทัล

ที่มา: The Asahi Shimbun