เกิดความเคลื่อนไหวครั้งใหญ่ในแวดวงเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ เมื่อมีรายงานจาก Bloomberg ว่า Ke Yang ผู้บริหารระดับสูงของ Apple ที่รับผิดชอบการพัฒนาเทคโนโลยี AI เพื่อขับเคลื่อนระบบค้นหา (AI-driven Web Search) และเป็นหัวหน้าทีม “Answers, Knowledge and Information (AKI)” ได้ประกาศลาออกจากตำแหน่ง เพื่อย้ายไปร่วมงานกับ Meta Platforms Inc. ซึ่งกำลังเร่งสร้างทีม “Superintelligence Labs” เพื่อขยายอาณาจักร AI ของตนอย่างจริงจัง

การย้ายทีมของ Ke Yang เกิดขึ้นเพียงไม่กี่สัปดาห์หลังเขาได้รับแต่งตั้งให้เป็นหัวหน้าทีม AKI อย่างเป็นทางการ ซึ่งทีมดังกล่าวมีบทบาทสำคัญในโครงการพัฒนา Siri รุ่นใหม่ ที่ Apple ตั้งเป้าให้เป็น “ผู้ช่วยอัจฉริยะที่เข้าใจและตอบคำถามได้เหมือน ChatGPT” โดยเน้นการเพิ่มความสามารถให้ Siri สามารถค้นหาข้อมูลจากอินเทอร์เน็ตและให้คำตอบแบบเรียลไทม์ได้อย่างแม่นยำ

โครงการ AKI ถือเป็นหัวใจสำคัญของการพลิกโฉม Siri ครั้งใหญ่ที่สุดในรอบหลายปี โดย Siri เวอร์ชันใหม่ซึ่งคาดว่าจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในเดือนมีนาคมปีหน้า จะมาพร้อมความสามารถในการเข้าถึงข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้ เช่น อีเมล ปฏิทิน และเอกสาร เพื่อช่วยจัดการงานที่ซับซ้อนขึ้น รวมถึงการโต้ตอบแบบธรรมชาติและแม่นยำมากขึ้น โดยใช้เทคโนโลยี AI ขั้นสูงจากทีม Apple Intelligence ที่เพิ่งเปิดตัวไปก่อนหน้านี้

อย่างไรก็ตาม การลาออกของ Ke Yang กลายเป็นอีกหนึ่งแรงสั่นสะเทือนภายในแผนกปัญญาประดิษฐ์ของ Apple ซึ่งกำลังเผชิญ “ภาวะสูญเสียบุคลากรต่อเนื่อง” ตลอดทั้งปีที่ผ่านมา แหล่งข่าวภายในเผยว่า ทีม Apple Foundation Models ซึ่งเป็นแกนกลางในการพัฒนาโมเดล AI ขั้นพื้นฐานของบริษัท ได้สูญเสียบุคลากรไปแล้วมากกว่า 12 ราย โดยเฉพาะนักวิจัยชื่อดัง Ruoming Pang ผู้ก่อตั้งทีมดังกล่าว ที่ถูก Meta ดึงตัวไปร่วมงานด้วยข้อเสนอที่มีมูลค่าสูงกว่า 200 ล้านดอลลาร์

นอกจากนี้ ยังมีผู้เชี่ยวชาญอีกหลายราย เช่น Robby Walker อดีตหัวหน้าฝ่าย AI Search, Sam Wiseman, Chong Wang, และ Frank Chu ที่ทยอยลาออกไปอยู่กับ Meta และบริษัทเทคโนโลยีด้าน AI อื่น ๆ ทำให้ Apple ต้องเร่งปรับโครงสร้างภายในใหม่ โดยมอบหมายให้ Benoit Dupin รองประธานฝ่ายโครงสร้างพื้นฐาน Machine Learning เข้ามารับผิดชอบทีม AKI ต่อจาก Yang

การสูญเสียบุคลากรต่อเนื่องนี้สะท้อนถึงความท้าทายของ Apple ในการรักษาความมั่นคงของทีมวิจัย AI ในช่วงที่การแข่งขันในตลาดปัญญาประดิษฐ์ร้อนแรงที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อคู่แข่งอย่าง OpenAI, Google (Gemini) และ Meta ต่างเดินหน้าเปิดตัวนวัตกรรมใหม่อย่างรวดเร็ว ทั้งในด้านโมเดลสร้างสรรค์ข้อความ (Generative AI), ระบบค้นหาด้วยภาษาธรรมชาติ และแอปพลิเคชันผู้ช่วยส่วนตัวแบบเรียลไทม์

แหล่งข่าวภายในระบุว่า Siri รุ่นใหม่นี้เป็นความร่วมมือระหว่างทีม AIML (Artificial Intelligence and Machine Learning) ภายใต้การดูแลของ John Giannandrea รองประธานอาวุโสฝ่าย AI และ Machine Learning ของ Apple ร่วมกับทีม Siri Engineering ที่อยู่ภายใต้การดูแลของ Craig Federighi หัวหน้าฝ่ายซอฟต์แวร์ ซึ่งตั้งเป้าให้ Siri กลับมาทัดเทียมกับผู้ช่วยอัจฉริยะรุ่นใหม่จากค่ายอื่น หลังถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่า “พัฒนาเชื่องช้า” และ “ตามหลังคู่แข่ง” มาหลายปี

อย่างไรก็ดี การจากไปของ Ke Yang และการสูญเสียบุคลากรในทีม AI จำนวนมากอาจส่งผลกระทบต่อกำหนดการเปิดตัว Siri รุ่นใหม่ในปี 2569 และอาจชะลอแผนของ Apple ในการขยายระบบ AI สู่ผลิตภัณฑ์อื่น ๆ เช่น macOS, watchOS และ visionOS ซึ่งทั้งหมดถูกวางให้เชื่อมโยงกับ “Apple Intelligence” แบบครบวงจร

การย้ายทีมของ Ke Yang ไปยัง Meta ยังสะท้อนแนวโน้มใหม่ของอุตสาหกรรมเทคโนโลยี ที่ “สงครามแย่งตัวนักวิจัย AI” กำลังเข้มข้นขึ้นเรื่อย ๆ โดยเฉพาะระหว่างบริษัทใหญ่ในสหรัฐฯ ที่ต่างพยายามสะสมบุคลากรระดับหัวกะทิ เพื่อสร้างความได้เปรียบในยุคที่ AI กำลังกลายเป็นแกนหลักของนวัตกรรมแห่งอนาคต

ขณะที่ฝั่ง Apple ยังคงไม่ออกแถลงการณ์อย่างเป็นทางการต่อกรณีการลาออกของ Ke Yang และทิศทางของโครงการ AKI แต่ภายในองค์กรมีรายงานว่าผู้บริหารระดับสูงกำลังเร่งหาผู้มาทดแทน พร้อมทบทวนแผนกลยุทธ์ด้าน AI ใหม่ทั้งหมด เพื่อรักษาความต่อเนื่องของ Siri รุ่นใหม่ให้เดินหน้าตามกำหนด

ในขณะที่ Meta เองก็เดินหน้าอย่างมั่นคงในการสร้างระบบ AI ขนาดใหญ่ภายใต้ทีม Superintelligence Labs ที่รวบรวมอดีตวิศวกรและนักวิทยาศาสตร์จากบริษัทชั้นนำหลายแห่งทั่วโลก เพื่อพัฒนาโมเดล AI ขั้นสูงที่มีศักยภาพใกล้เคียงระดับมนุษย์มากที่สุด ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าการแข่งขันระหว่าง Apple และ Meta ไม่ได้อยู่เพียงในสมรภูมิโซเชียลมีเดียอีกต่อไป แต่ได้ขยับเข้าสู่ “สงคราม AI” ที่จะเป็นตัวชี้ชะตาเส้นทางเทคโนโลยีของทั้งสองบริษัทในทศวรรษหน้าอย่างแท้จริง

ที่มา : ข้อมูล