Meta บริษัทแม่ของ Facebook ได้ออกประกาศอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 16 ตุลาคม 2025 ว่าจะยุติการให้บริการแอป Messenger เวอร์ชันเดสก์ท็อปบนระบบปฏิบัติการ macOS และ Windows ภายในวันที่ 15 ธันวาคม 2025 นี้ โดยหลังจากวันดังกล่าว ผู้ใช้จะไม่สามารถเปิดหรือล็อกอินเข้าใช้งานผ่านแอป Messenger บนเครื่องคอมพิวเตอร์ได้อีกต่อไป ทั้งนี้ Meta ได้แนะนำให้ผู้ใช้เปลี่ยนไปใช้งานผ่านเว็บไซต์ Messenger.com แทน ซึ่งถือเป็นการเปลี่ยนผ่านครั้งใหญ่ของหนึ่งในแพลตฟอร์มการสื่อสารที่มีผู้ใช้งานมากที่สุดในโลก
แอป Messenger เดสก์ท็อปเปิดตัวครั้งแรกเมื่อกว่าทศวรรษที่ผ่านมา เพื่ออำนวยความสะดวกให้ผู้ใช้สามารถพูดคุยกับเพื่อนบน Facebook ได้โดยไม่ต้องเปิดเบราว์เซอร์ ซึ่งในช่วงแรกได้รับความนิยมอย่างมาก โดยเฉพาะกลุ่มผู้ใช้ในสำนักงานและผู้ที่ต้องการแชตพร้อมทำงานไปด้วย อย่างไรก็ตาม ภายหลังจากที่สมาร์ตโฟนกลายเป็นอุปกรณ์หลักของการสื่อสารทั่วโลก สัดส่วนของผู้ใช้แอป Messenger บนเดสก์ท็อปก็ลดลงเรื่อย ๆ จนปัจจุบันมีเพียงไม่ถึง 5% ของผู้ใช้ทั้งหมดเท่านั้นที่ยังใช้งานผ่านคอมพิวเตอร์
Meta ระบุว่าผู้ใช้ทุกคนที่ยังคงใช้งานแอปเดสก์ท็อปจะได้รับข้อความแจ้งเตือนล่วงหน้าภายในเดือนตุลาคมนี้ โดยระบบจะแสดงข้อความว่า “Messenger for Desktop จะหยุดให้บริการในวันที่ 15 ธันวาคม 2025 โปรดใช้งานผ่านเว็บไซต์ Messenger.com แทน” พร้อมคำแนะนำให้ผู้ใช้เปิดใช้งานฟีเจอร์ Secure Storage เพื่อสำรองประวัติการสนทนาและตั้งรหัส PIN สำหรับกู้คืนข้อมูลในอนาคต เพื่อให้แน่ใจว่าข้อความและไฟล์ทั้งหมดจะยังคงปลอดภัยและสามารถเข้าถึงได้แม้หลังการยุติแอป
หลังจากการปิดให้บริการ แอป Messenger เดสก์ท็อปจะไม่สามารถเปิดใช้งานได้อีก ระบบทั้งหมดจะถูกเปลี่ยนเส้นทางโดยอัตโนมัติไปยัง Messenger.com ซึ่งเป็นเวอร์ชันเว็บที่ Meta ระบุว่าได้รับการปรับปรุงใหม่ให้มีความเสถียรและใช้งานง่ายกว่าเดิม โดยจะรองรับฟีเจอร์หลักเกือบทั้งหมดที่เคยมีในแอป เช่น การแชตแบบส่วนตัว การโทรเสียงและวิดีโอคอลล์แบบความละเอียดสูง (HD) การส่งรูปภาพ วิดีโอ สติกเกอร์ รวมถึงการแชร์หน้าจอในระหว่างการประชุมออนไลน์
การตัดสินใจปิดแอปเดสก์ท็อปในครั้งนี้ ถือเป็นส่วนหนึ่งของแผนกลยุทธ์ “Unified Messenger Experience” ซึ่งเป็นโครงการรวมระบบการสื่อสารของ Meta ที่จะผสานการทำงานของ Facebook Messenger, Instagram Direct และ WhatsApp เข้าด้วยกัน เพื่อให้ผู้ใช้สามารถพูดคุยข้ามแพลตฟอร์มได้อย่างไร้รอยต่อ โดยการคงไว้เพียงเวอร์ชันเว็บและมือถือ จะช่วยลดภาระในการพัฒนาและอัปเดตซอฟต์แวร์หลายแพลตฟอร์ม และเปิดทางให้ Meta สามารถนำเทคโนโลยีใหม่ ๆ เช่น การเข้ารหัสแบบ End-to-End และปัญญาประดิษฐ์ (AI) มาปรับใช้กับทุกระบบได้พร้อมกัน
โฆษกของ Meta ให้สัมภาษณ์กับสื่อ TechCrunch ว่า “เราต้องการมอบประสบการณ์การสื่อสารที่ปลอดภัย รวดเร็ว และสอดคล้องกันในทุกอุปกรณ์ การปรับเปลี่ยนไปสู่การใช้งานผ่านเว็บคือส่วนหนึ่งของวิสัยทัศน์ระยะยาวของ Messenger ที่จะทำให้การเชื่อมต่อระหว่างผู้คนทั่วโลกง่ายขึ้นและปลอดภัยยิ่งกว่าเดิม” ซึ่งสอดคล้องกับแนวโน้มของ Meta ที่มุ่งเน้นให้บริการผ่านเว็บและแอปบนมือถือเป็นหลัก โดยเฉพาะในยุคที่พฤติกรรมผู้ใช้งานส่วนใหญ่หันมาสื่อสารผ่านสมาร์ตโฟนมากกว่าเดิม
อย่างไรก็ตาม การยุติแอปเดสก์ท็อปนี้ก็สร้างความไม่พอใจให้กับผู้ใช้บางส่วน โดยเฉพาะในกลุ่มองค์กรและผู้ทำงานในออฟฟิศที่เคยใช้ Messenger Desktop เป็นเครื่องมือสื่อสารภายใน เนื่องจากแอปเดสก์ท็อปเคยมีข้อดีเรื่องการแจ้งเตือนแบบเรียลไทม์และการเปิดหน้าต่างสนทนาได้หลายช่องทางพร้อมกัน ซึ่งให้ความสะดวกมากกว่าเวอร์ชันเว็บ แม้ Meta จะยืนยันว่า Messenger.com รุ่นใหม่จะรองรับฟังก์ชันเหล่านี้ทั้งหมด แต่ผู้ใช้หลายคนยังคงกังวลว่าประสิทธิภาพอาจไม่เทียบเท่าแอปที่ติดตั้งบนเครื่อง
ในขณะเดียวกัน Meta ก็กำลังเดินหน้าพัฒนาและเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ให้กับ Messenger บนสมาร์ตโฟนอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นระบบวิดีโอคอลล์ความละเอียดสูง ฟิลเตอร์ AI สำหรับการสนทนา การแชร์ไฟล์ขนาดใหญ่ การรวมแชตกับ Instagram และ Threads รวมถึงฟีเจอร์ด้านความปลอดภัยใหม่ ๆ เช่น การตรวจจับข้อความต้องสงสัยอัตโนมัติและระบบป้องกันสแปมขั้นสูง ฟีเจอร์เหล่านี้สะท้อนถึงทิศทางใหม่ของ Meta ที่เน้นรวมศูนย์การสื่อสารไว้ในมือถือมากกว่าการแยกพัฒนาโปรแกรมบนเดสก์ท็อป
ผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีมองว่าการปิดแอป Messenger เดสก์ท็อปเป็นสัญญาณชัดเจนว่า Meta กำลังเปลี่ยนแนวทางจาก “การสร้างซอฟต์แวร์หลายแพลตฟอร์ม” สู่ “การรวมศูนย์ผ่านเว็บแอป” ซึ่งเป็นเทรนด์ที่บริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่หลายแห่งเริ่มหันมาใช้ เพื่อให้สามารถอัปเดตระบบและฟีเจอร์ใหม่ได้รวดเร็วขึ้น โดยไม่ต้องรอการอนุมัติจาก App Store หรือ Microsoft Store เหมือนที่ผ่านมา นอกจากนี้ การปรับไปใช้ระบบ Progressive Web App (PWA) ยังช่วยให้ผู้ใช้สามารถเปิด Messenger ผ่านเบราว์เซอร์ได้เหมือนแอปจริง โดยไม่ต้องดาวน์โหลดหรือติดตั้งใด ๆ เพิ่มเติม
การสิ้นสุดของ Messenger เดสก์ท็อปในปลายปีนี้จึงไม่เพียงแต่เป็นการปิดฉากของแอปที่อยู่คู่ผู้ใช้มานานกว่าทศวรรษ แต่ยังเป็นสัญลักษณ์ของการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคใหม่ของการสื่อสารที่รวมศูนย์อยู่บนเว็บและอุปกรณ์พกพาอย่างแท้จริง Meta ยืนยันว่าการเปลี่ยนแปลงนี้จะไม่ส่งผลต่อข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้ และทุกการสนทนาจะยังคงปลอดภัยด้วยระบบเข้ารหัสเต็มรูปแบบเช่นเดิม ผู้ใช้สามารถเข้าสู่ระบบเพื่อใช้งาน Messenger ต่อได้ผ่านเว็บไซต์อย่างเป็นทางการที่ www.messenger.com