ผู้ผลิตสมาร์ทโฟนจากอังกฤษ Nothing กลายเป็นที่จับตาอีกครั้ง หลังประกาศปิดดีลระดมทุนรอบใหม่มูลค่า 200 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ นำโดยกองทุน Tiger Global และนักลงทุนรายใหญ่หลายราย ส่งผลให้มูลค่าบริษัทขยับขึ้นแตะ 1.3 พันล้านดอลลาร์ นับเป็นก้าวสำคัญของสตาร์ทอัพที่เพิ่งก่อตั้งได้เพียง 4 ปี แต่สามารถสร้างชื่อในตลาดสมาร์ทโฟนระดับโลกได้สำเร็จ
บริษัทก่อตั้งขึ้นโดย คาร์ล เพ่ย (Carl Pei) ผู้ประกอบการเชื้อสายสวีเดน-จีน ซึ่งเคยเป็นผู้ร่วมก่อตั้ง OnePlus ก่อนจะออกมาเริ่มต้นธุรกิจใหม่ในปี 2020 โดย Nothing เปิดตัวสมาร์ทโฟนเครื่องแรกในปี 2022 ตามมาด้วยหูฟังไร้สาย และล่าสุดคือสมาร์ทวอช ภายในเวลาไม่นาน บริษัทสามารถส่งมอบสินค้าได้หลายล้านเครื่องและมียอดขายรวมทะลุ 1 พันล้านดอลลาร์แล้ว
สิ่งที่ทำให้ Nothing แตกต่างคือการออกแบบผลิตภัณฑ์ที่มีเอกลักษณ์ สร้างประสบการณ์ผู้ใช้ที่เน้นความโปร่งใส (transparent design) และเชื่อมโยงกับชุมชนผู้ใช้อย่างใกล้ชิด ล่าสุดบริษัทประกาศแผนยกระดับสินค้าสู่ ยุค AI โดยเริ่มจากสมาร์ทโฟน อุปกรณ์เสียง และสมาร์ทวอช ก่อนจะขยายไปยัง แว่นตาอัจฉริยะ หุ่นยนต์ และยานยนต์ไฟฟ้า (EVs)
คาร์ล เพ่ย กล่าวในแถลงการณ์ว่า “เพื่อให้ AI ก้าวสู่ศักยภาพสูงสุด ฮาร์ดแวร์สำหรับผู้บริโภคต้องถูกสร้างขึ้นใหม่ทั้งหมด ไม่ใช่แค่สมาร์ทโฟน แต่รวมถึงอุปกรณ์ทุกชนิดที่เราจะใช้ในชีวิตประจำวัน”
นักลงทุนที่เข้าร่วมรอบล่าสุด ได้แก่ GV (Google Ventures), Highland Europe, EQT, Latitude, I2BF และ Tapestry ซึ่งต่างมองว่า Nothing เป็นหนึ่งในผู้ท้าชิงสำคัญต่อผู้เล่นรายใหญ่ในตลาดสมาร์ทโฟนที่ถูกครองโดย Apple และ Samsung มาอย่างยาวนาน การสนับสนุนครั้งนี้ไม่เพียงเพิ่มทุนเพื่อขยายการผลิตและ R&D แต่ยังช่วยเสริมภาพลักษณ์ Nothing ให้เป็นบริษัทเทคโนโลยีที่มีอนาคตไกล
ก่อนหน้านี้ Nothing เคยระดมทุนใกล้ 100 ล้านดอลลาร์ในปี 2023 และใช้เงินดังกล่าวเพื่อเร่งการพัฒนาสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่และสร้างระบบนิเวศของผลิตภัณฑ์ (ecosystem) ที่หลากหลาย การระดมทุนรอบล่าสุดสะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่อศักยภาพระยะยาวของบริษัท แม้จะอยู่ท่ามกลางตลาดที่แข่งขันดุเดือดและอิ่มตัว
ในมุมมองของผู้เชี่ยวชาญ Nothing อาจเป็นความหวังใหม่ของอุตสาหกรรมสมาร์ทโฟนยุโรป ที่มีเพียงไม่กี่บริษัท เช่น Fairphone และ HMD Global ที่ยังสามารถยืนหยัดท้าชนยักษ์ใหญ่จากเอเชียและอเมริกาได้ ขณะที่ Nothing เลือกใช้กลยุทธ์สร้างแบรนด์บนความแตกต่างด้านดีไซน์และการผสาน AI เข้ากับฮาร์ดแวร์อย่างเป็นระบบ
หาก Nothing สามารถเดินหน้าสู่เป้าหมายได้สำเร็จ เราอาจได้เห็นบริษัทจากยุโรปรายนี้ก้าวขึ้นมาเป็นผู้เล่นสำคัญในโลกของ AI Consumer Electronics ในอนาคตอันใกล้