vivo เปิดตัวสมาร์ตโฟนซีรีส์ใหม่ vivo S50 และ vivo S50 Pro Mini อย่างเป็นทางการในประเทศจีน ชูจุดเด่นด้านดีไซน์บางเฉียบ ประสิทธิภาพระดับเรือธง หน้าจอสว่างจัด และฟีเจอร์กล้องที่เน้นการถ่ายภาพและวิดีโอด้วย AI โดยทั้งสองรุ่นทำงานบนระบบปฏิบัติการ OriginOS 6 บนพื้นฐาน Android 16 และเริ่มเปิดให้พรีออเดอร์แล้ว

สำหรับ vivo S50 รุ่นมาตรฐาน มาพร้อมหน้าจอ AMOLED ขนาด 6.59 นิ้ว ซึ่งมีขนาดเล็กลงเล็กน้อยจากรุ่นก่อนอย่าง vivo S30 ที่ใช้จอ 6.67 นิ้ว หน้าจอมีความละเอียดระดับ 1.5K, รองรับอัตรารีเฟรช 120Hz และมีความสว่างสูงสุดในโหมด HDR ถึง 5,000 นิต ตอบโจทย์การใช้งานกลางแจ้งได้เป็นอย่างดี ตัวจอเป็นแบบขอบแบน (Flat Display) และติดตั้ง เซนเซอร์สแกนลายนิ้วมืออัลตราโซนิกใต้หน้าจอ ซึ่งถูกยกตำแหน่งขึ้นมาสูงกว่าเดิมราว 4 เซนติเมตร ช่วยให้ใช้งานสะดวกและสแกนได้รวดเร็วขึ้น

ด้านประสิทธิภาพ vivo S50 อัปเกรดมาใช้ชิป Snapdragon 8s Gen 3 แทน Snapdragon 7 Gen 4 ในรุ่นก่อน ส่งผลให้ประสิทธิภาพ CPU ดีขึ้นถึง 57% รองรับการเล่นเกม MOBA ที่เฟรมเรต 120FPS ได้อย่างลื่นไหล หน่วยความจำเป็นแบบ LPDDR5X และพื้นที่เก็บข้อมูล UFS 4.1 พอร์ตเชื่อมต่อ USB-C 2.0 พร้อมมาตรฐานกันน้ำกันฝุ่นระดับ IP68 และ IP69

แบตเตอรี่ให้มาขนาดใหญ่ถึง 6,500mAh รองรับการชาร์จเร็วผ่านสาย 90W สามารถดูวิดีโอต่อเนื่องได้นานสูงสุด 18.9 ชั่วโมง และรองรับฟีเจอร์ Bypass Charging 2.0 สำหรับผู้ที่ต้องการเล่นเกมไปพร้อมกับชาร์จ โดยช่วยลดความร้อนและถนอมแบตเตอรี่

ในส่วนของกล้อง vivo S50 ยังคงใช้ฮาร์ดแวร์ใกล้เคียงกับรุ่นก่อน โดยเน้นการอัปเกรดด้านซอฟต์แวร์และ AI เป็นหลัก กล้องหลักใช้เซนเซอร์ Sony LYT-700V ความละเอียด 50MP พร้อม OIS รองรับซูมแบบไม่เสียรายละเอียด 2 เท่า กล้องอัลตราไวด์ 8MP และกล้องเทเลโฟโต้แบบปริทรรศน์ 50MP ซูมออปติคัล 3 เท่า ซูมดิจิทัลได้สูงสุด 100 เท่า ส่วนกล้องหน้าความละเอียด 50MP รองรับออโต้โฟกัส

vivo เน้นโปรโมตฟีเจอร์ Live Mode หรือการถ่าย Live Photo ที่ยกระดับความคมชัดและความเสถียรถึงระดับ 4K โดยใช้ AI ช่วยประมวลผล ทำให้สามารถเลือกเฟรมใดก็ได้มาเป็นภาพนิ่งคุณภาพสูง นอกจากนี้ยังปรับปรุงการถ่ายวิดีโอสโลว์โมชัน การซูมเปลี่ยนเลนส์ที่ลื่นไหล และเอฟเฟกต์การดึงฉากหลังขณะซูมเข้าออกให้ใกล้เคียงกับเทคนิค Dolly Zoom ในภาพยนตร์

ด้านระบบเสียง vivo S50 มาพร้อมลำโพงคู่สเตอริโอ และไมโครโฟน 3 ตัว รองรับการตัดเสียงรบกวนที่ปรับระดับได้เอง ช่วยให้การสนทนาและการบันทึกเสียงมีคุณภาพมากขึ้น

ขณะที่ vivo S50 Pro Mini ถูกวางตำแหน่งเป็นมือถือไซซ์เล็กแต่สเปกแรง ใช้หน้าจอ AMOLED ขนาด 6.31 นิ้ว พร้อมเทคโนโลยี 8T LTPO รองรับรีเฟรชเรตแบบปรับได้ 1–120Hz และความสว่าง HDR สูงสุด 5,000 นิต ดีไซน์และฟีเจอร์หน้าจอส่วนใหญ่เหมือนกับรุ่น S50 รวมถึงเซนเซอร์สแกนนิ้วอัลตราโซนิกและหน้าจอแบบขอบแบน

จุดเด่นสำคัญของรุ่น Pro Mini คือการเลือกใช้ชิปเรือธงรุ่นใหม่ล่าสุด Snapdragon 8 Gen 5 ที่ผลิตบนเทคโนโลยี 3 นาโนเมตร ให้ประสิทธิภาพใกล้เคียง Snapdragon 8 Elite รองรับการเล่นเกม MOBA ที่ 120FPS และเกม Open World ที่เฟรมเรตเฉลี่ยราว 59FPS รวมถึงรองรับ Ray Tracing ได้สูงสุด 90FPS

แบตเตอรี่ยังคงให้มาขนาด 6,500mAh พร้อมชาร์จเร็ว 90W เช่นเดียวกับรุ่นมาตรฐาน แต่เพิ่มความสามารถในการ ชาร์จไร้สาย 40W และ Bypass Charging 2.0 ด้วยประสิทธิภาพการจัดการพลังงานของชิปใหม่ ทำให้ดูวิดีโอต่อเนื่องได้นานถึง 21 ชั่วโมง

สเปกกล้องของ vivo S50 Pro Mini แตกต่างจากรุ่นปกติเล็กน้อย โดยกล้องหลักใช้เซนเซอร์ Sony IMX921 ความละเอียด 50MP พร้อม OIS ส่วนกล้องอัลตราไวด์และเทเลโฟโต้ยังคงเหมือนกับ S50 รวมถึงกล้องหน้า 50MP ที่ได้รับการปรับอัลกอริธึมใหม่ ให้ภาพดูเป็นธรรมชาติ ลดปัญหาบิวตี้จัดหรือภาพดูเป็น AI มากเกินไป

ด้านราคา vivo S50 วางจำหน่ายในจีน 4 สี ราคาเริ่มต้น 2,999 หยวน (ประมาณ 13,599 บาท) ส่วน vivo S50 Pro Mini เริ่มต้นที่ 3,699 หยวน (ประมาณ 16,599 บาท) โดยทั้งสองรุ่นถูกมองว่าจะเป็นคู่แข่งสำคัญในตลาดสมาร์ตโฟนระดับกลาง-บนและเรือธงไซซ์เล็กในปี 2025 อย่างแน่นอน