ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เทคโนโลยี eSIM (Embedded SIM) กำลังกลายเป็นเทรนด์สำคัญในอุตสาหกรรมสมาร์ตโฟน หลังจากหลายค่ายใหญ่เริ่มทยอยเปลี่ยนมาใช้ระบบนี้แทนซิมการ์ดจริง ไม่ว่าจะเป็น Apple, Samsung, Huawei, Xiaomi หรือ OPPO ต่างก็มีรุ่นที่รองรับ eSIM แล้วทั้งสิ้น โดยเฉพาะ Apple ที่เริ่มเดินหน้าสู่ยุค “iPhone ไร้ช่องซิม” เต็มรูปแบบในตลาดสหรัฐฯ

eSIM คือชิปขนาดเล็กที่ฝังอยู่ภายในเครื่องโทรศัพท์ ทำหน้าที่เหมือนซิมการ์ดจริงทุกประการ แต่ไม่ต้องใส่หรือถอดออก เพียงสแกนคิวอาร์โค้ดจากผู้ให้บริการเครือข่าย ก็สามารถเปิดใช้งานเบอร์โทรศัพท์ได้ทันที ถือเป็นเทคโนโลยีที่ช่วยลดต้นทุนด้านการผลิต เพิ่มพื้นที่ภายในเครื่อง และยังช่วยให้สมาร์ตโฟนกันน้ำได้ดียิ่งขึ้น

อย่างไรก็ตาม แม้จะฟังดูสะดวกและล้ำสมัย แต่ในทางปฏิบัติ ผู้ใช้หลายประเทศยังไม่พร้อมกับการเปลี่ยนผ่านนี้ โดยเฉพาะในเอเชียและยุโรปที่ระบบบริการยังไม่รองรับเต็มรูปแบบ ปัญหาหลักที่พบคือ “ขั้นตอนการย้าย eSIM” ที่ยุ่งยากกว่าเดิม เช่น การโอนเบอร์ไปเครื่องใหม่จำเป็นต้องติดต่อศูนย์บริการโดยตรง หรือบางกรณีต้องรออนุมัติจากผู้ให้บริการก่อนใช้งาน ซึ่งสร้างความไม่สะดวกให้ผู้ที่เปลี่ยนเครื่องบ่อยหรือใช้หลายอุปกรณ์

ในจีน มีรายงานจากผู้ใช้บนแพลตฟอร์ม Weibo จำนวนมากที่แสดงความเห็นว่า eSIM ยังไม่ตอบโจทย์ผู้ใช้ทั่วไป เนื่องจากขั้นตอนผูกบัญชีและยืนยันตัวตนยังซับซ้อนเกินไป “แม้เทคโนโลยีจะดี แต่การใช้งานจริงยังไม่ง่ายพอ” คือเสียงสะท้อนที่ถูกแชร์อย่างแพร่หลาย โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ใช้ที่คุ้นชินกับการเปลี่ยนซิมจริงเพียงไม่กี่วินาที

ในประเทศไทยเอง แม้ผู้ให้บริการหลักอย่าง AIS, TRUE และ DTAC จะเริ่มรองรับ eSIM มาสักระยะแล้ว แต่ยังมีข้อจำกัดหลายประการ เช่น การรองรับเฉพาะรุ่นเรือธงบางรุ่น และขั้นตอนยืนยันตัวตนที่ซับซ้อนเมื่อเทียบกับการซื้อซิมจริงตามร้านทั่วไป

อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญด้านโทรคมนาคมมองว่า การเปลี่ยนผ่านนี้เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ โดยคาดว่าในอีก 3–5 ปีข้างหน้า ผู้ผลิตสมาร์ตโฟนรายใหญ่ทั้งหมดจะเลิกผลิตช่องใส่ซิมการ์ดแบบเดิม เพื่อผลักดันให้โลกเข้าสู่ยุค “Fully Digital Connectivity” ที่ทุกอย่างตั้งแต่หมายเลขโทรศัพท์ ไปจนถึงระบบยืนยันตัวตนจะอยู่บนคลาวด์ทั้งหมด

นักวิเคราะห์จากสถาบัน Canalys กล่าวเพิ่มเติมว่า การเติบโตของ eSIM จะเร่งตัวขึ้นหลังปี 2026 เมื่อเทคโนโลยี 6G เริ่มต้นใช้งานจริง เพราะจะต้องอาศัยระบบเชื่อมต่อที่ปรับตัวได้รวดเร็วและยืดหยุ่นมากกว่าเดิม ซึ่ง eSIM จะเป็นพื้นฐานสำคัญในการเชื่อมโยงอุปกรณ์หลายพันล้านเครื่องทั่วโลก

แม้ eSIM จะยังมีอุปสรรคในวันนี้ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ามันคือก้าวสำคัญของโลกการสื่อสารในอนาคต  เมื่อวันหนึ่งสมาร์ตโฟนของเราจะ “ไร้ซิมการ์ดอย่างแท้จริง” และการเชื่อมต่อทุกอย่างจะเกิดขึ้นเพียงปลายนิ้วแตะหน้าจอ