ในยุคที่งานออกแบบเว็บไซต์และแอปพลิเคชันเน้นความเรียบง่ายแต่ยังคงความโดดเด่น “Glass Morphism” หรือ “กลาสมอร์ฟิซึม” ได้กลายเป็นหนึ่งในเทรนด์การออกแบบที่ได้รับความนิยมมากที่สุด เพราะให้ความรู้สึกโปร่งใส เบลอ และมีมิติ เหมือนมองผ่านกระจกใสที่มีฝ้าบางๆ เคลือบอยู่
Glass Morphism คือแนวทางการออกแบบส่วนติดต่อผู้ใช้ (User Interface) ที่เน้นความโปร่งใสและเบลอของพื้นหลัง โดยองค์ประกอบที่อยู่ด้านหน้า เช่น การ์ด ปุ่ม หรือกล่องข้อความ จะถูกออกแบบให้ดูเหมือนกระจกใสซ้อนอยู่บนฉากหลังที่มีสีสันและแสงเบาๆ การผสมผสานลักษณะโปร่งใสกับเอฟเฟกต์เบลอช่วยสร้างความรู้สึกลึกและมีมิติ ทำให้หน้าตาเว็บไซต์ดูหรูหราและล้ำยุคมากขึ้น
ลักษณะเด่นของการออกแบบแบบ Glass Morphism คือการใช้พื้นหลังโปร่งใสบางส่วน (semi-transparent background) ร่วมกับเอฟเฟกต์เบลอ (background blur) เพื่อให้มองเห็นสีหรือรูปภาพด้านหลังอย่างเลือนๆ และเพิ่มความสมจริงด้วยการใส่ขอบขาวจางๆ หรือเงานุ่มๆ เพื่อให้ส่วนหน้าดูยกตัวขึ้นจากฉากหลังเล็กน้อย ตัวอย่างเช่น การใช้ CSS คำสั่ง backdrop-filter: blur(10px); เพื่อสร้างความเบลอ และ rgba() เพื่อกำหนดค่าความโปร่งใสของพื้นหลัง
ตัวอย่างโค้ด Glass Morphism อย่างง่าย
รูปแบบนี้สามารถนำไปใช้ได้กับองค์ประกอบหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็นปุ่ม (button), การ์ด (card), กล่องล็อกอิน (login box), แถบนำทาง (navbar) หรือแม้แต่พื้นหลังของหน้าเว็บไซต์ ทั้งนี้ดีไซน์ลักษณะนี้ถูกนำไปใช้จริงในหลายระบบ เช่น macOS, iOS และ Windows 11 ซึ่งเน้นความสวยงามที่เรียบง่ายแต่มีความลึกของภาพ
อย่างไรก็ตาม การออกแบบด้วย Glass Morphism ควรใช้อย่างระมัดระวัง ไม่ควรใส่มากเกินไปจนรบกวนสายตา พื้นหลังควรมีสีหรือภาพที่แตกต่างพอเหมาะเพื่อให้เอฟเฟกต์โปร่งใสแสดงผลได้อย่างชัดเจน และควรคำนึงถึงความคมชัดของข้อความเพื่อไม่ให้การอ่านยาก
Glass Morphism จึงไม่ใช่เพียงเทรนด์ที่เน้นความสวยงามเท่านั้น แต่ยังเป็นแนวคิดในการออกแบบที่ผสมผสานความเรียบง่าย ความหรูหรา และความลึกของมิติได้อย่างลงตัว ช่วยให้เว็บไซต์หรือแอปพลิเคชันดูมีสไตล์และเป็นมืออาชีพมากยิ่งขึ้น ทั้งยังสะท้อนความคิดสร้างสรรค์ของนักออกแบบยุคใหม่ที่ต้องการสร้างประสบการณ์ใช้งานที่สวยงามและน่าจดจำสำหรับผู้ใช้ทุกคน