เมื่อ YouTube ก้าวเข้าสู่ปีที่ 20 เส้นทางของแพลตฟอร์มนี้ได้เปลี่ยนไปไกลจากจุดเริ่มต้นที่เป็นเพียงเว็บแชร์คลิปของคนสมัครเล่นที่อัปโหลดวิดีโอสั้นๆ ไม่ต้องลงทุนสูง ปัจจุบัน YouTube กลายเป็นแพลตฟอร์มสื่อที่ทรงอิทธิพลที่สุดแห่งหนึ่งของโลก มีผู้ใช้งานกว่า 2.7 พันล้านคน และถูกใช้เป็นช่องทางหลักของการรับชมคอนเทนต์ในสหรัฐอเมริกา โดยแซงหน้าการรับชมทีวีแบบดั้งเดิมไปแล้ว และยังมีแนวโน้มว่ารายได้รวมในปีนี้จะก้าวขึ้นเหนือ Disney ที่ครองตลาดบันเทิงมาอย่างยาวนาน
ภายในงาน Made on YouTube ที่จัดขึ้นเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ผู้บริหารของแพลตฟอร์มในเครือ Alphabet (Google) ได้นำเสนอวิสัยทัศน์ใหม่ที่เน้นการใช้ปัญญาประดิษฐ์ (AI) เข้ามาเป็นเครื่องมือสำคัญในการสร้างคอนเทนต์ Neal Mohan ซีอีโอของ YouTube ย้ำว่า AI จะไม่มาแทนที่ผู้สร้างสรรค์ แต่จะกลายเป็น “ผู้ช่วย” ที่ทำให้ครีเอเตอร์ทำงานได้ง่ายขึ้น เร็วขึ้น และเปิดโอกาสให้การสร้างวิดีโอเป็นอาชีพที่มั่นคงมากขึ้นในอีกหลายสิบปีข้างหน้า
YouTube ไม่ได้เพียงแค่ประกาศแผนเท่านั้น แต่ยังเปิดตัวเครื่องมือใหม่มากกว่า 30 รายการที่ขับเคลื่อนด้วย AI เช่น ฟีเจอร์ที่ฝังลิงก์ช้อปปิ้งอัตโนมัติในวิดีโอ ระบบตัดต่อคลิปจำนวนมากให้เป็นเวอร์ชันแรกได้ในเวลาไม่กี่วินาที ฟังก์ชันสร้างวิดีโอประกอบพอดแคสต์เสียง ไปจนถึงเทคโนโลยีที่สามารถเปลี่ยนเสียงพูดให้กลายเป็นเสียงร้องเพลงได้ เครื่องมือเหล่านี้สะท้อนทิศทางที่ชัดเจนว่า YouTube ต้องการให้ครีเอเตอร์มีอิสระในการสร้างสรรค์และเข้าถึงทรัพยากรระดับเดียวกับสตูดิโอภาพยนตร์หรือทีวี
ความเปลี่ยนแปลงนี้ยังสอดคล้องกับพฤติกรรมผู้ชมที่เปลี่ยนไป YouTube กลายเป็นเวทีของครีเอเตอร์ระดับโลก ตั้งแต่นักวิทยาศาสตร์อย่าง Mark Rober ไปจนถึงศิลปินดังอย่าง Dua Lipa ที่ใช้ช่องทางนี้สื่อสารกับผู้ติดตามนับสิบล้านคน ซึ่งหลายครั้งตัวเลขผู้ติดตามเหล่านี้สามารถเทียบชั้นหรือเหนือกว่าดาราฮอลลีวูดในโซเชียลมีเดีย ทำให้ภาพลักษณ์ของ “ดารายุคใหม่” ไม่ได้อยู่เพียงบนจอทีวี แต่เกิดขึ้นจากแพลตฟอร์มออนไลน์อย่าง YouTube
เบื้องหลังความสำเร็จ YouTube ยังได้กลายเป็นแหล่งรายได้มหาศาลให้กับครีเอเตอร์ โดยในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา บริษัทได้จ่ายเงินมากกว่า 100,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐให้กับผู้สร้างคอนเทนต์ ซึ่งเงินจำนวนนี้ทำให้หลายช่องสามารถพัฒนาไปสู่ระดับการผลิตแบบสตูดิโอมืออาชีพได้อย่างแท้จริง บางรายถึงกับสร้างสตูดิโอถ่ายทำของตัวเอง เพื่อผลิตวิดีโอที่ทัดเทียมผลงานจากฮอลลีวูด
ในเชิงธุรกิจ YouTube กำลังกลายเป็นคู่แข่งสำคัญที่บั่นทอนยักษ์ใหญ่ดั้งเดิมอย่าง Disney Nielsen เปิดเผยว่าในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา YouTube ครองสัดส่วนการรับชมของสหรัฐฯ ถึง 13.4% ขณะที่ Disney อยู่ที่ 9.4% และนักวิเคราะห์คาดว่ารายได้รวมจากโฆษณาและการสมัครสมาชิกของ YouTube ในปีนี้อาจแซงหน้า Disney ได้อย่างเป็นทางการ โดย Alphabet ระบุว่าในรอบ 4 ไตรมาสสิ้นสุดกันยายน 2024 YouTube มีรายได้รวมมากกว่า 50,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
ทิศทางนี้สะท้อนให้เห็นว่า YouTube ไม่ได้เป็นเพียงแพลตฟอร์มวิดีโอออนไลน์อีกต่อไป แต่ได้ก้าวขึ้นมาเป็นมหาอำนาจในอุตสาหกรรมสื่อระดับโลก และการบูรณาการ AI เข้ากับการสร้างคอนเทนต์จะเป็นตัวขับเคลื่อนสำคัญในทศวรรษต่อไป ทั้งในมิติของธุรกิจ สังคม และวัฒนธรรมการบริโภคสื่อ