เมื่อวันที่ 16 กันยายน 2568 ธนาคารแห่งประเทศไทยได้จัดงานพบสื่อมวลชน (Meet the Press) โดยผู้ว่าการ ธปท. กล่าวถึง ความท้าทายของเศรษฐกิจไทยในระยะข้างหน้า พร้อมสะท้อนให้เห็นภาพรวมที่น่ากังวลและแนวทางที่ทุกภาคส่วนต้องร่วมกันขับเคลื่อน

ตลอดหลายทศวรรษที่ผ่านมา เศรษฐกิจไทยมีการเติบโตที่ชะลอตัวลงอย่างต่อเนื่อง โดยหลังวิกฤตโควิด-19 อัตราการเติบโตเฉลี่ยเหลือเพียง 2.2% ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยก่อนวิกฤตปี 2540 ที่เคยสูงถึง 7.3% และยังตามหลังประเทศเพื่อนบ้านอย่างเวียดนาม ฟิลิปปินส์ และมาเลเซียอย่างชัดเจน ภาพสะท้อนดังกล่าวชี้ให้เห็นถึงปัญหาเชิงโครงสร้างที่สะสมมานาน ทั้งความสามารถในการแข่งขันที่ลดลงและปัญหาความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจที่ยังไม่ได้รับการแก้ไขอย่างจริงจัง

ในด้านความสามารถในการแข่งขัน ไทยดึงดูดการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศได้น้อยกว่าประเทศเพื่อนบ้าน ทำให้การลงทุนใหม่และการพัฒนานวัตกรรมไม่เพียงพอ ส่วนปัญหาความเหลื่อมล้ำก็ยังรุนแรง ความมั่งคั่งและรายได้ส่วนใหญ่กระจุกตัวอยู่ในกลุ่มครัวเรือนรายได้สูงและธุรกิจขนาดใหญ่ ขณะที่ครัวเรือนทั่วไปยังมีภาระหนี้สูง ส่งผลให้การเติบโตทางเศรษฐกิจไม่กระจายไปถึง SMEs และท้องถิ่น

ผู้ว่าการ ธปท. ได้เสนอแนวทางสร้างโอกาสใหม่ให้เศรษฐกิจไทย โดยเน้นการปฏิรูปเชิงโครงสร้างในสามภาคส่วนหลัก ได้แก่

ภาคเอกชน ต้องปรับตัวเป็นกลไกหลักในการสร้างพลวัตใหม่ ช่วยกันระบุปัญหา เสนอแนวทางแก้ไข และเป็นพลังเสริมให้ธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็กปรับตัวได้ดีขึ้น โดยเฉพาะธุรกิจขนาดใหญ่ควรมีบทบาทสนับสนุนมากกว่าเดิม

ภาครัฐ ควรเน้นการสร้างแรงจูงใจที่เหมาะสมเพื่อกระตุ้นการลงทุนและยกระดับผลิตภาพในระยะยาว ลดอุปสรรคด้านกฎระเบียบที่ล้าสมัย และให้ความสำคัญกับเสถียรภาพทางการคลัง เนื่องจากรายจ่ายรัฐบาลในช่วงปี 2562–2567 เติบโตเฉลี่ยปีละ 4% ขณะที่รายได้ขยายตัวเพียง 1.7% หากแนวโน้มนี้ดำเนินต่อไป อาจทำให้การขาดดุลการคลังและหนี้สาธารณะเพิ่มสูงขึ้น เสี่ยงกระทบความน่าเชื่อถือของประเทศ

ภาคการเงิน ควรสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อให้รายย่อยและ SMEs เข้าถึงแหล่งเงินทุนได้มากขึ้น แม้จะมีความเสี่ยงด้านเครดิตสูง โดยมีการส่งเสริมกลไกค้ำประกันเครดิตที่ยืดหยุ่น และเร่งผลักดันระบบกำหนดอัตราดอกเบี้ยตามความเสี่ยง (risk-based pricing) เพื่อให้ลูกหนี้ที่มีความเสี่ยงต่ำได้ดอกเบี้ยที่เหมาะสม ขณะเดียวกันยังมีการริเริ่มโครงการ Your Data ที่เปิดโอกาสให้ประชาชนสามารถส่งต่อข้อมูลของตนผ่านช่องทางดิจิทัล เพื่อเข้าถึงบริการทางการเงินที่ดีขึ้น

ทั้งหมดนี้ ผู้ว่าการ ธปท. ย้ำว่า การเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างต้องเกิดขึ้นจริงและยั่งยืน ต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน มีการกำหนดเป้าหมายที่ชัดเจน รับผิดชอบร่วมกัน และประเมินผลต่อเนื่อง ที่สำคัญคือต้องขับเคลื่อนด้วยข้อมูลที่แม่นยำ และสร้างแรงจูงใจที่ถูกต้อง เพื่อให้เศรษฐกิจไทยสามารถปรับตัวและแข่งขันได้อย่างแข็งแรงในระยะยาว

ที่มา : bot